ซีพี ออลล์ ผู้บริหารออลล์ ออนไลน์ และเซเว่น อีเลฟเว่น ปรับตัวพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สะดวกครบจบที่เดียว เปิดบริการ “ออลล์ ออนไลน์” (ALL Online) ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป สร้างประสบการณ์ใหม่ มอบสินค้าและบริการความสะดวกแก่ทุกชุมชน พร้อมเดินหน้าควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารออลล์ ออนไลน์ และเซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวถึงการปรับตัวในยุค New Normal ของเซเว่น อีเลฟเว่น ในงาน I Creator Conference 2020 Presented by ALL Online ว่า “7-11 เกิดขึ้นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา เป็นร้านที่จำหน่ายน้ำแข็ง และต่อมาได้พัฒนาเป็นร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ที่มีสินค้าอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเปิดให้บริการในช่วงเวลา 07.00 AM-11 PM จึงเป็นที่มาของชื่อร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” (7-11) และปรับการให้บริการมาเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนในปัจจุบัน และได้ขยายธุรกิจไปในประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
สำหรับจุดเริ่มต้นของเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยสาขาแรกเปิดที่ถนนพัฒน์พงษ์ โดยมีแผนการดำเนินธุรกิจคือ “ใกล้แต่ไม่เคยปิด” (Close But Never Closed) เพื่อบริการความสะดวกในการซื้อสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งโครงสร้างของประชากรไทยในสมัยนั้นลูกค้าของเซเว่น อีเลฟเว่น จะมีอายุเฉลี่ยระหว่าง 5-24 ปี แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าก็เปลี่ยน ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมของคนทำงาน สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้น เซเว่น อีเลฟเว่นจึงต้องปรับตัวเปลี่ยนไปตามฐานโครงสร้างของประชากรไทย
หลังจากนั้น เซเว่น อีเลฟเว่นจึงได้ปรับหลักการทำธุรกิจภายใต้สโลแกน “เพื่อนที่รู้ใจใกล้ๆ คุณ” เพื่อให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่เมื่อมีการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น เซเว่น อีเลฟเว่นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน คือเปลี่ยนจาก “ร้านสะดวกซื้อ” มาสู่ “ร้านอิ่มสะดวก” ด้วยการบริการจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน พร้อมกับเปลี่ยนสโลแกนอีกครั้ง นั่นคือ “หิวเมื่อไหร่...ก็แวะมา”
นายยุทธศักดิ์กล่าวอีกว่า “ปัจจุบันเซเว่นฯ มีจำนวนสาขารวมกว่า 12,000 สาขา เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ เราจึงมีการเปลี่ยนจาก Food Store มาสู่ All Convenience เพื่อบริการความสะดวกให้แก่ทุกคน และเมื่อมาถึงปี 2020 เมื่อโลกเปลี่ยน เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยน วิถีชีวิตคนเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน คู่แข่งเปลี่ยน การทำธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
โดยเฉพาะเมื่อโลกต้องเจอกับมรสุมทางเศรษฐกิจ และเกิดโรคระบาดโดยเฉพาะโควิด-19 ทำให้หลายๆธุรกิจมีรายได้ลดลง โรงงานธุรกิจปิดตัว กำลังการซื้อลดลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ New Normal หรือ “วิถีใหม่” รูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ นั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั่วโลก เราเคยมองและวางแผนไว้ว่า สิ่งที่จะทำจะเกิดขึ้นในอีก 5 ปี แต่ตอนนี้มันลดลงเหลือภายใน 2 เดือน
แต่ในวิกฤตก็ย่อมมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องปรับตัวให้ไว เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจที่เปลี่ยนไป การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้เราเรียนรู้ว่าผู้คนที่เจอปัญหาล้วนกระโดดเข้ามาใช้เทคโนโลยีทั้งสิ้น จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เอง เซเว่น อีเลฟเว่นจึงต้องปรับการให้บริการในรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “ออลล์ ออนไลน์” (ALL Online) โดยมีสโลแกน “สะดวกครบ จบที่เดียว” เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่และสะดวกทุกการซื้อสินค้า, สะดวกทุกบริการ, สะดวกทุกที่ และสะดวกทุกเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าที่มีมากกว่า 14 ล้านคนต่อวัน
“จากเดิมลูกค้าใช้เงินสดในการซื้อสินค้า เราเปลี่ยนและปรับมาเป็นสร้างสังคมไร้เงินสด ร่วมกับ True Money Wallet, เพิ่มบริการความสะดวกในการสั่ง-ส่งสินค้า หรือ 7 Delivery”
“ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทและบริษัทย่อยสามารถสร้างกำไรสุทธิได้ 2,887 ล้านบาท และมีรายได้รวม 128,027 ล้านบาท พร้อมกับการเดินหน้าดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้ชื่อโครงการ 7 GO Green เพื่อ ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ ตามปณิธาน ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” นายยุทธศักดิ์กล่าว