ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซาบีน่า” ยอมรับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างบทเรียนชั้นครู ผู้บริโภคเน้นซื้อออนไลน์ดันสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทาง NSR ครึ่งปีแรกแตะ 20% ของยอดขายรวม เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เผยครึ่งปีหลังเตรียมรุกขายออนไลน์ต่อเนื่อง ยอมรับแม้สถานการณ์ดีขึ้นแต่ยังต้องวางแผนอย่างระมัดระวัง เกาะติดโควิด-19 ระลอกสองและปัจจัยการเมือง ปลื้มติด 1 ใน 200 บริษัทมหาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าพันล้านเหรียญดีที่สุดในเอเชียประจำปี 2020 จากนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes)
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 แม้ว่าบริษัทฯ จะรุกขยายตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากช่องทางนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในปีนี้ แต่บริษัทฯ ก็คงยังเน้นดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อ ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่สองที่ยังมีความไม่แน่นอน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ซาบีน่ายังคงสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เราต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่เราก็ยังทำผลงานในครึ่งแรกของปีนี้ให้ออกมามีกำไร 121 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิในไตรมาสแรก 70.44 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 50.42 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,331 ล้านบาท
การเติบโตมาจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ 1. การที่เราลดการพึ่งพาลูกค้าต่างชาติ จากเดิมที่ซาบีน่ามีสัดส่วนรับจ้างผลิต (OEM) เป็นหลัก เราค่อยๆ ปรับจนทุกวันนี้เราเหลือสัดส่วน OEM เพียงแค่ 9-10% และหันมาสร้างแบรนด์ “ซาบีน่า” ผ่านช่องทางค้าปลีก (Retail) เป็นช่องทางหลัก โดยมีสัดส่วนราว 66% ของยอดขายรวม
ปัจจัยที่ 2 คือ การที่ซาบีน่ามีคนรุ่นใหม่ทางการตลาด ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายผ่านช่องทาง NSR (Non Store Retailing) ทั้งออนไลน์ ทีวี โซเชียลมีเดีย และสื่ออื่นๆ ให้เติบโตได้อย่างน่าพอใจ ไม่นับรวมแคมเปญการตลาดหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ซาบีน่าสามารถสร้างกระแสในโลกออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งแรกของปีนี้ยอดขายผ่านช่อง NSR มีสัดส่วนสูงถึง 20% ของยอดขายรวม จากเมื่อปลายปีที่แล้วที่บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ปีที่จะผลักดันให้สัดส่วนยอดขาย NSR ขึ้นมาอยู่ที่ 20%
แต่โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป และทำให้การเติบโตของการขายออนไลน์สูงเกินกว่าเป้าหมายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งทีมคนรุ่นใหม่ทางการตลาดถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ และปัจจัยประการสุดท้าย คือ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวอยู่เสมอเพื่อสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืน
ล่าสุด ภายหลังจาก บมจ.ซาบีน่าได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 200 บริษัทมหาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าพันล้านเหรียญที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2020 (Asia's 200 Best Under A Billion 2020) จัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) และเป็น 1 ใน 19 บริษัทไทยที่ติดอันดับในปีนี้ ซึ่งนายบุญชัยกล่าวว่า เราพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทไทยที่สามารถติดอันดับบริษัทที่ดีที่สุดในเอเชีย โดยเฉพาะความพยายามรักษาผลการดำเนินงานให้มีกำไรสุทธิแม้ในภาวะที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ การจัดอันดับ Asia's 200 Best Under A Billion 2020 ของนิตยสารฟอร์บส์ จะพิจารณาจากบริษัทมหาชนขนาดเล็กและกลางในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีรายได้สูงกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไม่เกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 18,000 บริษัท ก่อนจะคัดเลือก 200 บริษัทที่มีคุณสมบัติดีที่สุดตามเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบด้วย มีรายได้และกำไรเติบโตดีอย่างน้อย 3 ปีย้อนหลัง มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อหุ้นแข็งแกร่งตลอด 5 ปีย้อนหลัง มีภาระหนี้ต่ำ และมีการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้น ยังมีเกณฑ์พิจารณาเชิงคุณภาพ เช่น เกณฑ์ด้านธรรมาภิบาล ความโปร่งใสและมาตรฐานของระบบบัญชี เป็นต้น