ผู้จัดการรายวัน 360 - “เฮียฮ้อ” ปลุกธุรกิจค่ายเพลงครั้งใหม่ เปิดม่าน ต.ค.นี้มาทีเดียว 3 ค่าย “Rsiam - Kamikaze - Rose Sound” ต่อยอดคีย์ธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Entertainmerce ลั่นเดินแผนอาร์เอสกรุ๊ปเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัวตั้งแต่ไตรมาสสี่นี้เป็นต้นไป ภายใต้ 2 ธุรกิจหลัก คือ คอมเมิร์ซ และสื่อ/บันเทิง มั่นใจสิ้นปี 63 นี้รายได้แตะ 4,800-4,900 ล้านบาท
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2563 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นของ อาร์เอส กรุ๊ป ยุคใหม่ ด้วยการปรับเปลี่ยนโลโก้ รีแบรนด์องค์กรอย่างเป็นทางการ ปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยแนวคิดการทำงานแบบ Agile มุ่งทำงานเป็นทีม ลดโครงสร้างและขั้นตอนที่ยุ่งยาก ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ซึ่งเป็นการดึงศักยภาพ ความเชี่ยวชาญจากธุรกิจสื่อและธุรกิจบันเทิงในมือออกมาใช้ให้มากที่สุด สร้างคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ เพื่อเปลี่ยนผู้ชมและผู้ฟังเป็นผู้ซื้อ
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ Synergy กันระหว่างกลุ่มธุรกิจในเครือ ที่สามารถควบคุมและบริหารงานได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากปัจจุบัน อาร์เอส กรุ๊ปแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก คือ 1. ธุรกิจคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย อาร์เอส มอลล์ และ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด และ 2. ธุรกิจสื่อและบันเทิง ประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์ช่อง 8, คูลลิซึ่ม และ อาร์เอส มิวสิค”
กลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซ เริ่มจาก 1. อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) ถือเป็นเรือธงใหม่ของอาร์เอส จากการนำเวลาโฆษณากว่าครึ่งของธุรกิจทีวีหรือช่อง 8 มาทำธุรกิจคอมเมิร์ซ ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 1.4 ล้านราย และในไตรมาส 2 มียอดขาย 586.2 ล้านบาท ขณะที่อาร์เอส มอลล์ ช่องทางออนไลน์ คาดว่าจะเติบโต 80% ในปีนี้ 2. ไลฟ์สตาร์ เป็นบริษัทผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์ของอาร์เอส และในอาร์เอส มอลล์ ไลฟ์สตาร์ทำรายได้เป็นสัดส่วน 60% จาก 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ S.O.M. Cordy Tibet & Bhutan, S.O.M. I-Kare และ S.O.M. CMAX โดยครึ่งปีหลังพร้อมรุกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องสำอาง อย่าง BT Cosmetic ของไบเตย อาร์สยาม และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 40,000 ล้านบาท เติบโต 10% เน้นจับตลาดบน ถ้าขายได้ 5-10% ของฐานลูกค้า 1.4 ล้านรายได้ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ทางด้านธุรกิจสื่อและบันเทิง คือ 1. สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ได้ปรับแผนใหม่ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เน้น 4 ขา คือ มีเดียสปอนเซอร์ 40% อีเวนต์ 10% จะเห็นในไตรมาสสี่ จากต้นปีที่งดจัดกิจกรรม ตามด้วยลิขสิทธิ์/ไลเซนส์ 20% และเอนเตอร์เทนเมิร์ซ 30% ซึ่งหลังจากนี้จะมีรายการใหม่ในรูปแบบเอนเตอร์เทนเมิร์ซ 1 รายการ คือ นายจ๋าทาสมาแล้ว ตอบโจทย์ธุรกิจอาหารสัตว์ และคอนเทนต์ต่างประเทศ คือ ราคาพารวย เริ่มออกอากาศช่วงไพรม์ไทม์ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา
2. คูลลิซึ่ม จากนี้จะดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย คือ COOLfahrenheit 40% กับการเข้าถึงผู้ฟัง กทม.และปริมณฑลกว่า 2 ล้านราย COOL Live 30% ปีหน้าเตรียมจัด 10 คอนเสิร์ต และมิวสิกเฟสติวัล เพื่อเข้าถึงผู้คนกว่า 1 แสนราย และ COOL anything 30% กับแอปพลิเคชันและต่อยอดคอมเมิร์ซจากผู้ฟังสู่การเป็นผู้ซื้อ และ 3. อาร์เอส มิวสิค ปีนี้จะใช้กลยุทธ์ มิวสิกสตาร์คอมเมิร์ซ ผ่าน 3 ค่ายเพลง ที่จะเปิดศิลปินนักร้องใหม่ในเดือน ต.ค.นี้ คือ RSiam, Kamikaze และ Rose Sound กับความพร้อมในการกลับมาให้ความสำคัญต่อธุรกิจเพลง
อาร์เอส กรุ๊ป คาดว่าจะทำรายได้ 10,000 ล้านบาทในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 4,800-4,900 ล้านบาท เป็นเป้าที่ปรับใหม่ในช่วงโควิด-19 จากเดิมปีนี้คาดว่าจะทำได้ 5,000 ล้านบาท โดยกว่า 65% มาจากธุรกิจคอมเมิร์ซ ทีวี 20-25% วิทยุ 10% และเพลง 5%
“อาร์เอสกำลังเข้าสู่ปีที่ 40 โดยธุรกิจเพลงเป็นจุดเริ่มต้นของอาร์เอส ที่ผ่านมาบริษัทได้ผ่านอะไรมามากมาย เป็นองค์กรที่มีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากธุรกิจหลักเอนเตอร์เทนเมนต์ ทรานส์ฟอร์มสู่ธุรกิจคอมเมิร์ช ที่เกิดจากการเรียนรู้จากความผิดพลาดต่อยอดสู่ความถูกต้อง ภายใต้กลยุทธ์ Entertainmerce ซึ่งเราต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรทำ ควรหยุด ควรช้า และควรเร็ว ภายใต้จังหวะในการทำธุรกิจที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ จากนี้จึงไม่กลัวเรื่องดิสรัปชันอีกต่อไป เพราะองค์กรเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากที่ผ่านมามองตัวเองเป็นปลาเล็กที่จะเอาตัวรอดอย่างไรก่อนจะโต ต่อมามองตัวเองเป็นปลาเร็วกินปลาช้า และปัจจุบันต้องเป็นปลาฉลาด ไม่สำคัญว่าจะใหญ่หรือเล็กอีกต่อไป” นายสุรชัยกล่าวสรุป