“พลังงานบริสุทธิ์” ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงเหลือ 1.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ 2 หมื่นกว่าล้านบาท เหตุผลกระทบโควิด-19 ส่งผลให้ต้องเลื่อนการผลิตและจำหน่ายรถยนต์อีวีป้อนสหกรณ์ฯ จำนวน 5 พันคันจากปลายปี 63 เป็นปีหน้าแทน ส่วนกำไรปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อย ลุ้นชี้ขาดโครงการประมูลโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่พม่าในช่วง ก.ย.นี้
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมปรับลดเป้าหมายรายได้ในปี 2563 ใหม่จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ลดลงเหลือ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือราว 25% แต่กำไรสุทธิจะใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,081 ล้านบาท และมีรายได้รวม 14,954 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถผลิตและส่งมอบรถยนต์นั่งไฟฟ้า (อีวี) แบรนด์ MINE รุ่น SPA 1 จำนวน 5 พันคันให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนาได้ทันในปลายปีนี้ โดยเลื่อนไปเป็นปี 2564 แทน
ส่วนไบโอดีเซล (บี 100) ก็ได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำมันดีเซลที่ลดลงจากโควิด-19 แต่ไม่มากนัก เนื่องจากรัฐมีนโยบายให้น้ำมันดีเซล บี 10 เป็นน้ำมันฐาน แต่ปีนี้บริษัทฯ รับรู้รายได้เต็มปีของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมานขนาด 260 เมกะวัตต์ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ ที่เริ่มทยอยผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ของปีก่อน และจะเริ่มรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะ หรือ PCM (Phase Change Material) ที่จะเริ่มผลิตส่งออกบางส่วนไปตลาดญี่ปุ่นได้ในปลายปีนี้ โดยบริษัทมองหาโอกาสนำPCMไปใช้ในตลาดสิ่งทอในอนาคต โดยอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีมาร่วมทุน
นายอมรกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ร่วมกับพันธมิตรอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าในลาว 2 โครงการ คือ Saravan Downsteam Hydropower Project และ Phamong Hydropower Project คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 3พันเมกะวัตต์ คาดว่าผลการศึกษาจะได้ข้อสรุปภายใน 2 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับพันธมิตร 3 ราย ได้แก่ Chaleun Sekong Energy Company Limited สปป.ลาว, Vega Digital Company Limited ประเทศไทย และ PSL Service Sole company Limited สปป.ลาว ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลลาว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า 2 โครงการ เพื่อจำหน่ายให้ไทย และเวียดนาม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการที่พม่า คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการชี้ขาดอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่โรงไฟฟ้าชุมชนในไทย บริษัทมีความสนใจที่จะร่วมลงทุน 2-3 โครงการ แต่คงต้องรอความชัดเจนจากรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ว่าจะดำเนินการสานต่อนโยบายดังกล่าวหรือไม่