ผู้จัดการรายวัน 360 - ไมเนอร์ ฟู้ดกางแผนครึ่งหลังปี 63 มุ่งยกระดับดีลิเวอรี พัฒนาเมนูใหม่ ลุยคีออสก์แกร็บแอนด์โกพัฒนาโมเดล Cloud Kitchen ทั้งปีหวังมีรายได้กลับมาเท่าปีก่อนที่ 24,000 ล้านบาท
นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ ฟู้ด เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนองค์กรให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมร้านอาหารและท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกอยู่เสมอ ด้วยการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการปรับการดำเนินงานเพื่อให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไมเนอร์ ฟู้ดจึงเร่งปรับตัวพัฒนาองค์กร กระจายการลงทุนช่วยลดความรุนแรงของผลกระทบ ซึ่งดีลิเวอรี และบริการซื้อกลับบ้านเติบโตขึ้น ในขณะที่บริการนั่งร้านหยุดชะงักชั่วคราว ร้านอาหารของไมเนอร์กลับมาเปิดให้บริการได้ 95% ของสาขาร้านอาหารทั้งหมด 1,490 แห่งทั่วประเทศ โดยนับตั้งแต่กลับมาเปิดสาขายอดขายของแบรนด์ส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ และบางแบรนด์แสดงแนวโน้มของยอดขายที่สูงกว่าระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่นโยบายการผลักดันการขายผ่านทุกช่องทาง
ด้านนายประพัฒน์ เสียงจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้เสริมความพร้อมของการดำเนินงาน ดังนี้ 1. ยกระดับบริการดีลิเวอรี สั่งอาหารได้หลากหลายภายในออเดอร์เดียวด้วยแพลตฟอร์มสั่งอาหารดีลิเวอรีเป็นของตัวเอง ซึ่งในไตรมาสสองที่ผ่านมามียอดขายดีลิเวอรีโตขึ้นถึงสามเท่าจากช่องทางเดียวกันของปีก่อน
2. พัฒนาเมนูใหม่ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค เช่น การพัฒนาเมนูมะม่วง แบล็ค ดูโอ้ ไอศกรีมมะม่วงอกร่องทองพร้อมกับเครื่องเคียงอย่างข้าวเหนียวดำ หรือมะพร้าวอ่อน ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของสเวนเซ่นส์ จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับบริษัท 3. โมเดลร้านรูปแบบคีออสก์ เป็นการให้บริการแกร็บแอนด์โกที่สามารถสร้างรายได้ โดยจะตั้งร้านอยู่ใกล้กับความสะดวกของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น สถานที่ทำงาน รถไฟฟ้า ได้แก่ ซิซซ์เล่อร์ ทูโก ร้านอาหารรูปแบบคีออสก์ที่ตั้งอยู่ติดย่านธุรกิจในเมืองกรุง มาพร้อมกับตัวเลือกเมนูเพื่อสุขภาพจากผักสดอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ร้านอื่นๆ เช่น เดอะ คอฟฟี่ คลับ ผลักดันบริการแกร็บแอนด์โกเช่นกัน
และ 4. พัฒนา “Cloud Kitchen” โมเดลครัวกลางรูปแบบใหม่ให้บริการที่สะดวก ใกล้บ้าน จากการนำเอาคอนเซ็ปต์ Cloud มาประยุกต์ใช้กับร้านอาหาร เกิดเป็น Cloud Kitchen ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ลูกค้าที่สั่งอาหารแบบดีลิเวอรีได้รับอาหารรวดเร็วขึ้น ด้วยที่ตั้งสาขาใกล้บ้านในระยะ 3 กิโลเมตร อีกทั้งสามารถสั่งอาหารได้หลายแบรนด์ภายในออเดอร์เดียว
อย่างไรก็ตาม เพื่อยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยกับความปลอดภัยของทั้งลูกค้าและพนักงานภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ไมเนอร์ ฟู้ดจึงได้ตั้งโปรเจกต์ “Business Beyond COVID” อบรมพนักงานด้านการให้บริการที่สะอาดอย่างเข้มข้นขึ้น โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยเป็นหลัก ผ่านแคมเปญรักษาความปลอดภัยของอาหาร ได้แก่ “Zero Touch Delivery” “Safety Seal” และ “Easy Pick Up” ของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี หรือการจ่ายไร้เงินสดเมื่อสั่งอาหารในร้านเบอร์เกอร์ คิง นอกจากนั้น ธุรกิจในเครือมีการใช้เครื่องทำความสะอาด และน้ำยาทำความสะอาด จากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขอนามัย อีโค่แล็บ (ECOLAB) กับไดเวอร์ซี่ (Diversey) ซึ่งต่างเป็นเครื่องมือทำความสะอาดคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในธุรกิจบริการอาหาร การแปรรูปอาหาร โรงแรมและงานดูแลสุขภาพ
“แผนโดยรวมในครึ่งปีหลัง หากเป็นการลงทุนใหญ่ยังต้องชะลอไปก่อน จะเน้นดีลิเวอรี และครัวกลางเป็นหลัก เชื่อว่าไตรมาสสามและสี่จะกลับมาดียิ่งขึ้น หรือทั้งปีนี้อย่างดีที่สุด รายได้รวมจะทำได้เท่าปีก่อนที่ปิดไป 24,000 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าโตในปีนี้อย่างน้อย 10-15%” นายประพัฒน์กล่าวสรุป