xs
xsm
sm
md
lg

ปรับกลยุทธ์เจาะตลาดคนจีน รับปลดล็อกเปิดน่านฟ้า ฝ่า“โควิด-19”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - เปิดข้อมูลเด็ดในเวทีเสวนาออนไลน์ “The Rising of Chinese Tourist Forum” ในหัวข้อ The Rebound of Chinese Travelers, The Reborn of Thai Economy จากกูรูในแต่ละวงการ เพื่อเจาะตลาดคนจีนหลังจากที่โควิด-19 เริ่มซาลง พร้อมแนะปรับกลยุทธ์การทำตลาดรับการเปิดประเทศ

จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยที่เริ่มคลี่คลายลงไปในทางที่ดี แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นหายขาดก็ตาม เพราะยังต้องมีมาตรการเข้มงวดเพื่อระวังกันเช่นเดิม แต่ในแง่ของระบบเศรษฐกิจก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินกันต่อไป ซึ่งมีการปลดล็อกกันไปแล้ววหลายเฟส ซึ่งในเฟสต่อไปก็คือ การเปิดน่านฟ้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยได้ ซึ่งตลาดคนจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มากสำหรับประเทศไทยที่มีการเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยมากกว่า 11 ล้านคน เมื่อสิ้นปีที่แล้ว (2562) หรือสัดส่วนประมาณ 27% จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในไทย


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงนโยบายของภาครัฐในการคลายล็อกเฟส 6 ว่า มาตรการคลายล็อกเฟส 6 ของรัฐเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเมืองไทยได้ใน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่เข้ามาจัดแสดงสินค้า ประชุม นิทรรศการ หรืออุตสาหกรรมไมซ์ในไทย 2. กลุ่มที่เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ 3. กลุ่มที่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาล หรือเมดิคัลเวลเนส และ 4. กลุ่มไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกราว 10,000 คน แบ่งเป็นคนไทย 3,000 คน และต่างชาติ 7,000 คน

ชาวต่างชาติทุกกลุ่มที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ เช่น การกักตัว 14 วัน, การท่องเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนด เป็นต้น

“ในปี 2562 นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยราว 11 ล้านคน หรือคิดเป็น 27% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งภาครัฐเองให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมให้เดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย ซึ่งวันนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนมั่นใจด้านความปลอดภัยได้ เพราะไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety & Healthy Administration (SHA) ที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นทั้งในสินค้าและบริการต่างๆ”


นายสันติ แสวงเจริญ รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวภายใต้หัวข้อ What : อะไร.. คือโอกาสที่กำลังกลับมาพร้อมนักท่องเที่ยวชาวจีน และอะไรคือมาตรการรับมือการท่องเที่ยวยุค New Normal ในประเทศไทย ว่า วันนี้ ททท.มีสำนักงานอยู่ในจีนรวม 5 แห่ง มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน โดยทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เฉิงตู และคุนหมิง ครอบคลุมทุกภาคของประเทศจีน

อย่างไรก็ดี พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 หรือวิถี New Normal พบว่า 1. การใช้ชีวิต การท่องเที่ยวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม 2. กลุ่มผู้สูงวัยและเด็กจะลดการท่องเที่ยวลงเพราะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง 3. รูปแบบการท่องเที่ยวจะถูกควบคุมทุกอย่าง 4. รูปแบบการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป กลุ่มเล็กลง จากเดิมที่เป็นกลุ่มทัวร์ จะเปลี่ยนเป็นกลุ่ม FIT (Free Independent Traveler) ระยะเวลาในการเดินทางจะเน้นระยะสั้น และเลือกท่องเที่ยวในรูปแบบของเฮลท์ทัวริสซึม เป็นต้น


ขณะที่แผนการดำเนินงานของ ททท.จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. Rebrand สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวกลับมาได้อย่างสบายใจ การสร้างให้เป็น Top of Mind ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นก็ส่งเสริมและกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเกาหลี และเวียดนามที่หันมาจับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้นด้วย

2. Rebound เน้นการทำกิจกรรมต่างๆ ในกลุ่ม Millennial ที่มีอายุ 24-39 ปี ทั้งกลุ่มคนทำงาน ผู้หญิง ครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มแต่งงานใหม่ มีกำลังซื้อแข็งแรง ซึ่งมีจำนวนราว 400 ล้านคน

อีกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนิช หรือกลุ่มเฉพาะ ได้แก่ 1. กลุ่มเฮลท์ แอนด์ เวลเนส ที่เดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ และดูแลสุขภาพ เช่น โรงพยาบาล, สปา ฯลฯ 2. กลุ่มสปอร์ตทัวริสซึม เช่น กอล์ฟ มาราธอน มวยไทย 3. กลุ่มลักชัวรี ปัจจุบันชาวจีนมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากและเป็นกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก และ 4. กลุ่มโรมานซ์ ชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวพร้อมฮันนีมูน, พรีเวดดิ้ง ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำโมบายล์แอปพลิเคชัน, เว็บไซต์เป็นภาษาจีน, การประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Wechat, Weibo, TikTok ฯลฯ, การทำ KOL Influence จีน, การใช้ Mobile Payment, การสื่อสารภาษาจีน และการพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เป็นต้น


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (ทีเส็บ) กล่าวในหัวข้อ What : อะไร...คือแนวทางในการปรับตัวของ MICE Tourism และแนวโน้มของอุตสาหกรรมไมซ์ที่น่าจับตามองหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 ว่า อุตสาหกรรมไมซ์จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนให้ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐผ่อนปรนเฟส 6 ให้การจัดประชุม งานแสดงสินค้า อีเวนต์กลับมาจัดได้อีกครั้ง

ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบการประชุม (Meeting), การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive Travel), การประชุมนานาชาติ (Convention), การแสดงสินค้า/นิทรรศการ (Exhibition), เทศกาลนานาชาติหรือเฟสติวัล (Mega Events and World Festivals)

“วันนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกๆ ที่มีการจัดอีเวนต์ เช่น งานมอเตอร์โชว์ในรูปแบบ New Normal นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ต ซึ่งอนาคตหลังผ่อนปรนเฟส 6 และเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเป็นกลุ่มแรกที่เข้ามา ทั้งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การผจญภัย การท่องเที่ยวอินเซนทีฟ หรือการจัดคอนเสิร์ต ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาจัดคอนเสิร์ต EDM จำนวนกว่า 20,000 คนมาแล้ว โดยการจัดงานไมซ์ นอกจากจะสร้างเม็ดเงินให้แก่ประเทศแล้ว ยังช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วย”

นอกจากนี้ ทีเส็บยังสนับสนุนให้นำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการอุตสาหกรรมไมซ์ ไม่ว่าจะเป็น การประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ (WEBINAR), การจัดแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ (ONLINE TO OFFLINE : O2O) และการสนับสนุนคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ E-LEARNING ด้วย


นางสาวพรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในหัวข้อ Who : เจาะลึกพฤติกรรมหลากหลายของนักท่องเที่ยวชาวจีน ว่า จากข้อมูลของหม่า เฟิง หว่อ พบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทยเป็นกลุ่มทัวร์คิดเป็นสัดส่วน 30% ส่วนอีก 70% เป็นกลุ่ม FIT ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความยืดหยุ่นสูง และเป็นกลุ่มอันดับต้นๆ ที่จะเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและประเทศไทยเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวได้

ขณะที่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเปลี่ยนไป โดยกลุ่ม FIT จะเป็นกลุ่มเล็ก จึงต้องมีการแยกเซกเมนต์ที่ชัดเจน ได้แก่ 1. กลุ่ม Super Luxury เดิมมีสัดส่วน 30% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกลุ่มที่มีอัตลักษณ์ มีความเป็นมินิมัล จึงต้องการความพิเศษที่แตกต่างเฉพาะบุคคล การสร้างความประทับใจจะทำให้พิชิตใจได้ 2. กลุ่ม Adventurers เป็นกลุ่มที่นิยมท่องเที่ยวในรูปแบบ Road Trip, one day trip, Self-driving จึงนิยมท่องเที่ยวที่แตกต่าง มีความท้าทาย

3. กลุ่ม Value Seeker การท่องเที่ยวแบบ Culture, Arts หรือเฉพาะกลุ่ม เช่น ครอบครัว ฯลฯ และ 4. กลุ่ม Revitalizer กลุ่มที่มาเที่ยวเพื่อบำบัดตัวเอง เน้นพักผ่อนระยะยาว เช่น กลุ่มเบบี้บูมเมอร์, กลุ่ม Medical travelers, Medi-spa เป็นต้น


นายภากร กัทชลี เจ้าของเพจ “อ้ายจง” กล่าวในหัวข้อ “Why : เจาะใจนักท่องเที่ยวจีน อะไรที่ทำให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในใจคนจีน” ว่า จากจุดเริ่มต้นที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในรูปแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่หลังจากที่มีการส่งออกละครไทย ซีรีส์ไทย ชาวจีนจึงนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น อีกทั้งการบอกต่อแบบปากต่อปากทำให้ประเทศไทยเป็นเดสติเนชันที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางมาต่อเนื่อง

ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมมาเมืองไทย นอกจากความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะไทย-จีนพี่น้องกันแล้ว อัธยาศัยที่ดี อาหารที่อร่อย สินค้าที่มีคุณภาพ มีความสวยงาม ความสะดวก ความคุ้มค่ากับราคา และผลที่ได้รับที่เหนือความคาดหมาย ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมและชื่นชอบประเทศไทย และไทยจะเป็นตัวเลือกอันดับ 1 เมื่อชาวจีนต้องการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การประชาสัมพันธ์ให้ข่าวสารข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะผ่านทางโซเชียลมีเดียถือว่ามีความสำคัญ เพราะชาวจีนเองเข้าถึงโซเชียล มีเดียในทุกรูปแบบ






กำลังโหลดความคิดเห็น