การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้คนไทยเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแต่ละรูปแบบการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า “ความปกติใหม่” หรือ New Normal
จากสถานการณ์ดังกล่าว WeTV ในฐานะผู้นำการให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งแอปพลิเคชัน ได้เดินหน้าตอกย้ำการเป็นศูนย์รวมความบันเทิงแห่งเอเชีย เน้นวางกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่ผสานจุดแข็ง ด้านเทคโนโลยีของบริษัทแม่ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” ปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
จากเดิมที่เน้นให้ผู้ใช้ WeTV มีประสบการณ์ร่วมกับแพลตฟอร์มแบบ O2O (Online-to-Offline) มาสู่การทำการตลาดแบบ OO (Online Only) ซึ่งจะเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในยุค New Normal นี้
ล่าสุด ชูความสำเร็จรายการ “CHUANG 2020” (ช่วง สองศูนย์สองศูนย์) วาไรตีประเภท Survival จากประเทศจีนด้วยการสร้างประสบการณ์ร่วม ผ่านแอปพลิเคชัน WeTV ผ่าน “ฟีเจอร์โหวต” ที่ปลุกกระแส Talk of The Town ไปทั่วเอเชีย
นางสาวกนกพร ปรัชญาเศรษฐ ผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทย บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กว่า 1 ปีที่ผ่านมา WeTV มุ่งสร้างสรรค์และนำเสนอคอนเทนต์ที่โดดเด่น และหลากหลายตอกย้ำ การเป็นศูนย์รวมความบันเทิงแห่งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์จีนคุณภาพระดับโลกจาก เทนเซ็นต์ เพนกวิน พิคเจอร์ส ผู้ผลิตคอนเทนต์อันดับต้นๆ ของจีน ซีรีส์ไทยออริจินัลและเอ็กซ์คลูซีฟผ่านการจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตชั้นนำของประเทศ
รวมถึงคอนเทนต์วาไรตีต่างๆ ที่หลากหลาย ครบรส ทั้งจีน ไทย และเกาหลี พร้อมมอบความเอ็กซ์คลูซีฟให้คนไทยด้วยการสร้างประสบการณ์ร่วมแบบ O2O (Online-to-Offline) เชื่อมโยงผู้ใช้งานในโลกออนไลน์มาสู่ออฟไลน์ และการสร้างคอมมูนิตีที่แข็งแกร่ง อย่างการจัดกิจกรรม แฟนมีตติ้งร่วมกับศิลปินจากประเทศจีนที่มีผลงานบน WeTV
แต่หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้คนส่วนใหญ่ต้องทำงานที่บ้านหรือ WFH ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมใหม่ โดยเฉพาะการรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงบนแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 2 เท่า อีกทั้งการเฝ้าระวังตามมาตรการเว้นระยะห่างทางกายภาพ หรือ Physical Distancing ทำให้เป็นโจทย์ใหญ่ของ WeTV ว่าท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่ง เราจะสร้างความแตกต่าง และรักษาฐานคอมมูนิตีของเราได้อย่างไรในยุค New Normal นี้
“WeTV จึงได้ปรับกลยุทธ์ โดยเน้นมอบความเอ็กซ์คลูซีฟผ่านการสร้างประสบการณ์ร่วมในแบบ OO (Online Only) ที่ให้ความสำคัญต่อช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ผ่านการใช้จุดเด่นด้านความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มและความพร้อมด้านเทคโนโลยีของบริษัทแม่ อย่างเทนเซ็นต์ ในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ และการจัดกิจกรรมบนออนไลน์ เน้นการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแพลตฟอร์มเพื่อรักษาฐานกลุ่มคอมมูนิตีให้แข็งแกร่ง”
โดยฟีเจอร์แรกที่ถือเป็นจุดแข็งของ WeTV ตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อกลางปี 2562 ก็คือฟีเจอร์พิเศษอย่าง “Flying Comment” ซึ่ง WeTV นับเป็น ‘รายแรกและรายเดียว’ ที่เปิดให้ผู้ชมสามารถคอมเมนต์ขณะชมซีรีส์ได้แบบเรียลไทม์ โดยผู้ชมจะเห็นคอมเมนต์ของคนอื่นๆ ที่รับชมคอนเทนต์เดียวกันบนแพลตฟอร์มของ WeTV ให้ความรู้สึกเหมือนมีเพื่อนนั่งดูอยู่ด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ฟีเจอร์นี้มากกว่า 4 ล้านครั้ง
ล่าสุดกับความสำเร็จจากรายการ ‘CHUANG 2020’ วาไรตีแนว Survival ที่ WeTV ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์เปิดให้ผู้ใช้งานร่วมโหวตให้กับเด็กฝึกที่ตนชื่นชอบ ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนชาวไทยเป็นอย่างมากด้วยสถิติจำนวนผู้ใช้งานที่ร่วมโหวตผ่าน “ฟีเจอร์โหวต” ในแอปพลิเคชันมากถึง 400,000 บัญชี ตลอดทั้งซีซัน
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา WeTV ได้เปิดตัว “CHUANG 2020” รายการวาไรตียิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีจากเทนเซ็นต์ วิดีโอ ผู้ผลิตคอนเทนต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ซึ่ง WeTV เป็นช่องทางเดียวที่ได้รับสิทธิ์ออกอากาศรายการนี้พร้อมประเทศจีนผ่านทางแอปพลิเคชัน WeTV ด้วยรูปแบบรายการที่ชวนให้ติดตามจากการเฟ้นหาเด็กฝึกหน้าใหม่ 7 คนจากทั้งหมด 101 คน เพื่อสร้างวงเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ โดยรายการมีการใช้ศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับเอเชียเป็นทีมโค้ชฝึกสอน ซึ่งแต่ละคนก็เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับแฟนๆ ชาวไทย และที่สำคัญที่สุดคือ เด็กฝึกที่เข้าร่วมรายการล้วนมีความสามารถระดับมืออาชีพ หนึ่งในนั้นคือ “เนเน่-พรนับพัน พรเพ็ญพิพัฒน์” สาวไทยเพียงหนึ่งเดียวในรายการ ที่ฝ่าฟันและพิสูจน์ความสามารถให้เห็นจนสามารถได้เปิดตัวเป็น 1 ใน 7 สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง ‘BonBon Girls 303’ ภายใต้สังกัด Wajijiwa Entertainment ได้ในที่สุด
นอกจากความน่าสนใจของรายการ สิ่งสำคัญที่ทำให้รายการได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการสร้างประสบการณ์ร่วมแบบ OO กับแฟนๆ ด้วยการเปิดให้ผู้ชมส่งคะแนนโหวตให้กับเด็กฝึกที่ชื่นชอบผ่านฟีเจอร์โหวตบนแอปพลิเคชัน WeTV และการมอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิก WeTV VIP ด้วยการเพิ่มคะแนนให้กับสิทธิ์การโหวตเป็น 2 เท่าเพื่อดึงดูดฐานแฟนคลับตัวจริง
ทั้งนี้ WeTV ถือเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งเจ้าแรกที่เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในไทย และในการออกอากาศรายการ CHUANG 2020 รอบตัดสิน ซึ่งเป็นการรับสัญญาณถ่ายทอดสดจากประเทศจีน WeTV ยังได้เอาใจแฟนๆ ชาวไทยด้วยการนำเสนอการออกอากาศในรูปแบบ “สดซ้อนสด” พร้อมจัดทีมผู้บรรยายภาษาไทย และเชิญพิธีกรและดาราชื่อดังมาร่วมดำเนินรายการเพื่อสร้างสีสัน เพิ่มอรรถรสให้แก่แฟนๆ ในการรับชมรายการ
วิธีการดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่ WeTV นำมาใช้เพื่อแก้ Pain point ของผู้ชมที่ไม่เข้าใจภาษาจีน ทำให้ผู้ชมสนุกกับการรับชมได้มากขึ้น และในการออกอากาศตอนสุดท้ายของรายการในรูปแบบสดซ้อนสด พบว่ามีผู้ให้ความสนใจเข้าชมการถ่ายทอดสดรอบไฟนอลผ่านแอปพลิเคชัน WeTV และ Facebook WeTV Thailand รวมทั้งสิ้นกว่า 2.5 ล้านครั้ง รวมถึงมียอดเอนเกจเมนต์ต่างๆ บนโซเชียลมีเดียของ WeTV Thailand ที่ชี้ให้เห็นถึงกระแสความนิยมที่เกิดขึ้น เช่น ยอดรีแอ็กชันกว่า 47,000 รีแอ็กชัน จำนวนคอมเมนต์กว่า 72,000 คอมเมนต์ และจำนวนการแชร์ 19,000 ครั้ง จาก Facebook WeTV Thailand ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง รวมถึงแฮชแท็ก #CHUANG2020final ที่ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งทวิตเตอร์ในประเทศไทยอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังออกอากาศ และยังอยู่ในอันดับหนึ่งได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง
นอกจากนี้ รายการ CHUANG 2020 ยังมีจำนวนการรับชมตลอดระยะเวลาออกอากาศจนจบซีซันถึงกว่า 175 ล้านนาที ส่งผลบวกให้ WeTV ประเทศไทยในแง่ของจำนวนเอนเกจเมนต์บนโซเชียลมีเดียโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ในครึ่งหลังปี 2563 นี้ WeTV จะยังเดินหน้าผลิต และคัดสรรทั้งออริจินัลคอนเทนต์ และเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ระดับคุณภาพมานำเสนอแก่แฟนๆ ชาวไทย พร้อมสานต่อการสร้างประสบการณ์ร่วมแบบ OO ให้แก่ผู้บริโภค โดยวางแผนจัดกิจกรรมบนออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เช่น ไลฟ์แชต (Live Chat), แฟนมีตติ้ง และการสตรีมมิ่งแบบสดซ้อนสดกับคอนเทนต์รูปแบบอื่นๆ ทั้งคอนเทนต์ WeTV ORIGINAL และรายการถ่ายทอดสดจาก เทนเซ็นต์ วิดีโอ โดยเรามั่นใจว่าประสบการณ์แบบ OO จะช่วยสร้างความแตกต่าง และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้มากขึ้น รวมถึงรักษาความแข็งแกร่งให้กับฐานคอมมูนิตีผู้ใช้งานเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับแพลตฟอร์ม WeTV ได้อย่างต่อเนื่องในยุค New Normal” นางสาวกนกพรกล่าว