ส.อ.ท.เผย 4 กุมารลาออกจาก พปชร.ไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเอกชนหากยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป แต่มองข้ามช็อตอาจนำไปสู่การปรับ ครม.ใหม่ตามกระแสข่าว ชี้หากปรับหวังทีม ศก.ใหม่รายชื่อนักลงทุนและประชาชนต้องไม่ยี้และมีเอกภาพ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่ม 4 กุมาร นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองปกติแต่ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ก็เชื่อว่าจะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ปัจจุบันไม่กระทบอะไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ซึ่งเอกชนคาดหวังว่าหากต้องปรับจริงตามกระแสข่าวทีมเศรษฐกิจมีความสำคัญที่ต้องได้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถเพราะเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ตอนนี้เศรษฐกิจมีปัญหามากสุดแล้วเพราะได้รับผลกระทบโควิด-19 ทั้งไทยและโลก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่จะเข้ามาแก้ไขต้องมีความรู้ความสามารถ บริหารงานโปร่งใส โดยเฉพาะโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 4 แสนล้านบาทมีความสำคัญในระยะต่อไปมากในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายสุพันธุ์กล่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การลาออกของ 4 กุมารจากสมาชิกพรรค พปชร.ไม่ได้เป็นอะไรที่เกินคาดหมายของเอกชนนักเพราะกระแสข่าวมาพักหนึ่งแล้ว แต่สิ่งที่เอกชนมองข้ามช็อตคือจะมีการปรับ ครม.ตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่เพราะสิ่งนี้สำคัญ เพราะหากได้ ครม.โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดีและมีความโปร่งใสก็จะไม่กระทบความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนให้ลดลงไปได้ แต่หากตรงกันข้ามก็ย่อมฉุดความเชื่อมั่นเช่นกัน
“เอกชนมองสเต็ปต่อไปว่าจะมีการปรับ ครม.หรือไม่มากกว่า เพราะหากปรับแล้วรายชื่อประชาชนยี้ก็คงไม่ดีแน่ โดยเฉพาะ ครม.เศรษฐกิจสำคัญมากในขณะนี้ต้องทำงานแบบมีเอกภาพ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ โดยเฉพาะการใช้เงิน 4 แสนล้านบาทในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมต้องให้ตรงจุดประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก” นายเกรียงไกรกล่าว