ทอท.เผยพิษโควิดผู้โดยสารรอบ 8 เดือนลด 66.32% เที่ยวบินหาย 55.28% ยอมรับปรับแผนเลื่อนเปิดอาคารแซตเทลไลต์ 1 สุวรรณภูมิ เป็นปี 65 หลังประเมินการบินจะฟื้นตัวกลับไปเหมือนเดิมต้องใช้เวลาอีก 2 ปี
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีประกาศห้ามเครื่องบินขนส่งคนโดยสารทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้สนามบินของ ทอท.ทั้ง 6 แห่งมีจำนวนผู้โดยสารลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.-31 พ.ค. 63 เที่ยวบินลดลงกว่า 55.28% และผู้โดยสารลดลงกว่า 66.32%
ขณะที่ปริมาณการจราจรทางอากาศของสนามบิน ทอท.ทั้ง 6 แห่งในรอบ 8 เดือน (ต.ค. 62-พ.ค. 63) เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่ามีเที่ยวบิน 425,900 เที่ยวบิน ลดลง 29.80% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 229,400 ลดลง 30.20% และเที่ยวบินภายในประเทศ 196,500 ลดลง 29.33% ขณะที่มีผู้โดยสาร 64.20 ล้านคน ลดลง 33.94% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 37.24 ล้านคน ลดลง 34.72% และผู้โดยสารภายในประเทศ 26.96 ล้านคน ลดลง 32.83%
ด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศรอบ 8 เดือนปี 2563 ลดลง 17.61% โดยมีสินค้าและไปรษณียภัณฑ์จำนวน 825,665 ตัน ทั้งนี้ ภาพรวมปริมาณการขนส่งสินค้าลดลงในอัตราที่ไม่มากเมื่อเทียบกับการขนส่งผู้โดยสาร เนื่องจากในช่วงเดือน ก.ค.-พ.ค. 63 พบว่าเที่ยวบินโดยสารลดลงมาก จากเดิมเฉลี่ย 6,500 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เหลือ 500 เที่ยวบิน/สัปดาห์ (ซึ่งทำให้ปริมาณสินค้าที่ลำเลียงโดยเที่ยวบินโดยสารลดลงไปด้วยถึง 74.22%)
ในขณะที่กลับทำให้เที่ยวบินขนส่งสินค้ามีอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 127.22% (เพิ่มจาก 160 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เป็น 360 เที่ยวบิน/สัปดาห์) ซึ่งสายการบินมีการปรับตัวโดยหันมาทำการบินแบบเที่ยวบินขนส่งสินค้าทดแทนเที่ยวบินโดยสารที่ต้องหยุดบินชั่วคราว
สำหรับผลประกอบการด้านการเงินในรอบ 6 เดือน (1 ต.ค. 62-31 มี.ค. 63) ทอท.มีรายได้รวม 28,898.11 ล้านบาท (จากการขายหรือการให้บริการ 27,476.80 ล้านบาท รายได้อื่น 1,421.31 ล้านบาท) มีค่าใช้จ่าย 15,173.34 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,760.98 ล้านบาท มีกำไรในรอบ 6 เดือน 10,963.80 ล้านบาท
@เลื่อนยาว! อาคารแซตเทลไลต์สุวรรณภูมิ เปิดเป็นปี 65
สำหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ในส่วนของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite1) ซึ่งคืบหน้า 88% โดยโครงสร้างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินงานสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน งานภูมิทัศน์ และติดตั้งงานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ ไฟฟ้า เครื่องกล สุขาภิบาล และระบบสารสนเทศภายในอาคาร ซึ่งโรคโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการทดสอบระบบการปฏิบัติงานต่างๆ ร่วมกันไปเสร็จในเดือน เม.ย. 2565 เช่น ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) ระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ ระบบบริหารลานจอดอากาศยาน ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง เป็นต้น
ทอท.คาดว่าเที่ยวบินและผู้โดยสารจะเริ่มฟื้นตัวจนกลับมามีเป็นปกติเทียบเท่ากับปริมาณในปี 2562 ในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือในเดือน ต.ค. 2565 ดังนั้น AOT อาจต้องพิจารณาการเปิดใช้อาคาร SAT-1 ให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารต่อไป
ส่วนสนามบินดอนเมือง ขณะนี้การก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสาร (Service Hall) บริเวณลานจอดรถรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอาคารที่เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ด้านทิศเหนือ พื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร สำหรับรองรับกลุ่มกรุ๊ปทัวร์เพื่อลดความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศได้ คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือน ส.ค. 2563 รวมถึงโครงการก่อสร้างทางเดินเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง ระยะทาง 200 เมตร เชื่อมต่อจากโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สถานีดอนเมือง
และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 เพื่อรองรับผู้โดยสารภายในประเทศ การก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร อาคาร 3 บริเวณอาคารผู้โดยสารเดิมที่ไม่ได้ใช้งานเสร็จปี 2567 รับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน/ปี