ผู้จัดการรายวัน360 – “วาว แฟคเตอร์” ทุ่มเกือบ 400 ล้านบาท คว้าสิทธ์แฟรนไชส์โดมิโน พิซซ่า ในไทย แทนรายเดิม หวังพลิกฟื้นธุรกิจได้ พร้อม 4 เหตุผลหลัก
นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ กรรมการและ CFO บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W เปิดเผยว่า ได้ใช้งบประมาณเกือบ 400 ล้านบาท เพื่อซื้อสิทธิ์และลงทุนแบรนด์“DOMINO’S PIZZA” โดมิโนพิซซ่า ซึ่งเป็นการซื้อกิจการร้านพิซซ่าจากเจ้าของเดิมในประเทศไทย และการเข้าทำสัญญาสิทธิการค้ากับ DOMINO’S PIZZA INTERNATIONAL FRANCHISING INC. หรือ “DPI” เพื่อให้ได้สิทธิในการเปิดร้าน “DOMINO’S PIZZA” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตามที่บริษัท ฯได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อบริษัทและชื่อย่อหลักทรัพย์มาหมาดๆ
บริษัทพิจารณาการลงทุนครั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2562 ผู้บริหารได้หารือกับ DPI อย่างต่อเนื่องจึงมั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะได้รับความสำเร็จจากปัจจัยดังนี้ 1. DPI ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิการค้า “DOMINO’S PIZZA” มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจแฟรนไชส์พิซซ่า ปัจจุบันมีประมาณ 17,000 สาขาทั่วโลก บริหารโดย DPI เพียง 345 สาขา และที่เหลือบริหารโดยผู้รับสิทธิการค้า (Franchisee) จาก DPI และ DPI มี EBITDA และ กำไร เท่ากับ 693 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับในปี 2562
2. DPI มี Know how ในการแก้ไขปัญหา ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบธุรกิจ อาหารส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแย่งส่วนแบ่งการตลาดอย่างรุนแรงผ่านทาง Food Aggregator แต่ด้วย Platform ที่ชัดเจนในการทำธุรกิจ DPI ก็สามารถกลับมาทำกำไรแตะจุดสูงสุดได้ในปี 2019
3. DPI มีโครงสร้างการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับผู้รับสิทธิการค้าที่สมเหตุสมผล ซึ่งมี Master Franchisee หลายๆราย ประสบความสำเร็จในธุรกิจโดมิโนพิซซ่า มี market cap มากกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ยกตัวอย่างเช่น Domino’s Pizza Enterprises Ltd. Master Franchisee ในประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และ Jubilant Food Works Ltd.master franchisee ในประเทศ อินเดีย
4. การลงทุนครั้งนี้บริษัทจะได้มาซึ่งร้านที่พร้อมดำเนินการทันที จำนวน 27 สาขา (กรุงเทพและปริมณฑล 26 สาขา และพัทยา 1 สาขา) ซึ่งหากการลงทุนครั้งนี้สำเร็จตามแผนที่ได้วางไว้ จะสามารถสร้างกระแสเงินสดจากสาขาที่มีอยู่ได้ทันที
“จากการที่บริษัทได้ศึกษาร่วมกับ DPI มาร่วมปี มีแผนการพลิกฟื้นธุรกิจ และเชื่อมั่นว่า จะสร้างความสำเร็จในธุรกิจนี้ในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน”
สำหรับธุรกิจอาหารแบรนด์อื่นๆ ที่บริษัทมีอยู่นั้น จะเน้นธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น โดยปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารธุรกิจทั้งแบรนด์ Bake Cheese Tart, Zaku Zaku, Rapl, Le Boeuf, Creps & Co., และ Kagonoya ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้น