“บางจาก” เผยปริมาณการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันในช่วง มิ.ย.นี้ ฟื้นตัวดีขึ้นจาก เม.ย.ที่ลดลง 20% หลังรัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ คาดทั้งปี 63 ปริมาณการขายน้ำมันลดลงไม่เกิน 10% จากปีก่อน ขณะที่ค่าการกลั่นน่าจะได้รับแรงหนุนจากการปิดโรงกลั่นขนาดเล็กในภูมิภาคนี้
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันลดลงไม่เกิน 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งขณะนี้รัฐบาลเริ่มทยอยคลายล็อกดาวน์ ทำให้ยอดขายน้ำมันในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. 63 ที่มียอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการลดลงถึง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“รัฐบาลเริ่มทยอยปลดล็อกดาวน์ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ทำให้ปริมาณขายน้ำมันกลับมาอยู่ในระดับ 95% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน หรือมีปริมาณขายลดลงไปราว 5% เท่านั้น ทำให้ทั้งไตรมาส 2/2563 ปริมาณขายน้ำมันน่าจะลดลงไปราว 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปกติบางจากมียอดขายผ่านสถานีบริการน้ำมันเฉลี่ยเดือนละ 340-350 ล้านลิตร ทำให้แนวโน้มในครึ่งหลังปี 2563 ความต้องการใช้น้ำมันและทิศทางราคาน้ำมันฟื้นตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่ค่าการกลั่นคาดว่าจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าไตรมาส 1/2563 เล็กน้อย”
แม้ว่าทิศทางราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าในไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ จะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันหรือไม่ เมื่อเทียบจากในช่วงไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันราว 3.4 พันล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 บางจากขาดทุนสุทธิ 4.66 พันล้านบาท ขณะที่จากสถานการณ์ต่างๆ ที่ดีขึ้นทำให้คาดว่าค่าการกลั่น (GRM) ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 2/2563 น่าจะใกล้เคียง หรือสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับ 2.87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 1/2563
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าค่าการกลั่นน้ำมันในครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีขึ้น หลังจากมีข่าวว่ามีโรงกลั่นขนาดเล็กหลายแห่งในภูมิภาคนี้จะปิดตัวลงถาวรเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันได้ เช่นโรงกลั่นในนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เป็นต้น
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปรับตัวรับมือสถานการณ์โควิด-19 เน้นรักษาสภาพคล่องโดยปรับลดงบการลงทุนปีนี้และเลื่อนการลงทุนในโครงการที่ไม่จำเป็น รวมทั้งปรับลดการขยายสถานีบริการน้ำมันลงจากเดิม 60 แห่งในปีนี้เหลือเพียง 54-55 แห่ง และลดกำลังการกลั่นลงจากแผนราว 20% จากเดิมที่กลั่นอยู่ 1.2 แสนบาร์เรล/วัน โดยลดสัดส่วนการผลิตน้ำมันอากาศยานลงจากเดิมมีสัดส่วน 10-11% โดยหันไปผลิตเป็นน้ำมันดีเซลแทน
วันนี้ (11 มิ.ย.) บางจากร่วมกับธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดตัวการพัฒนานวัตกรรมระบบรับชำระค่าสินค้าและบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Bangchak Digital Payment) โดยนำร่องให้บริการที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาสุขุมวิท 62 และสาขาศรีนครินทร์ 1 เมื่อเดือน เม.ย. ทำให้บางจากเป็นรายแรกในไทยที่ให้บริการแบบครบวงจรในการรับชำระเงินค่าน้ำมันได้ทั้ง QR Code ผ่าน Mobile Application ของทุกธนาคาร รวมทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต พร้อมสะสมคะแนนในเวลาเดียวกัน ผ่านเครื่อง Mobile EDC ที่เชื่อมโยงกับระบบสมาชิกบางจาก โดยตั้งเป้าขยายบริการระบบ Digital Payment เพิ่มเติมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 50 แห่งในสิ้น มิ.ย.นี้ และเพิ่มเป็น 200 แห่งสิ้นปีนี้