กรมธุรกิจพลังงาน เผย ยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 4 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.- เม.ย.) ลดลง 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ไทยต้องล็อกดาวน์ โดยการใช้น้ำมันลดลงทุกประเภททั้งกลุ่มเบนซิน ดีเซล LPG และ NGV
รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) แจ้งถึงสถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.- เม.ย. 63) ว่า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทอยู่ที่กว่า 143 ล้านลิตร ลดลง 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับลดลงทุกประเภทเชื้อเพลิง โดยกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 29.47 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 8.1% ขณะที่การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 66.16 ล้านลิตร/วัน ลดลง 4.8% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 13.80 ล้านลิตร/วัน ลดลง 33.7% การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15.65 ล้าน กก./วัน ลดลง 13.6% และการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.31 ล้าน กก./วัน ลดลง 23.8%
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ประเทศไทยต้องประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 มา และทำให้หลายกิจกรรมต้องหยุดลงเพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการปิดเมือง (ล็อกดาวน์) ที่ส่งผลกระทบไม่มีการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งสะท้อนให้การเดินทางทางรถยนต์และอากาศยานลดลงอย่างมาก
จากผลดังกล่าวทำให้การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 979,427 บาร์เรล/วัน คิดเป็น 7.6% โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 947,032 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 3.5% คิดเป็นมูลค่า 48,608 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และการ Lock down อย่างต่อเนื่อง ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปเป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงอยู่ที่ 32,395 บาร์เรล/วัน ลดลง 58.9% คิดเป็นมูลค่า 1,661 ล้านบาท/เดือน
รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) แจ้งถึงสถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.- เม.ย. 63) ว่า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทอยู่ที่กว่า 143 ล้านลิตร ลดลง 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับลดลงทุกประเภทเชื้อเพลิง โดยกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 29.47 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 8.1% ขณะที่การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 66.16 ล้านลิตร/วัน ลดลง 4.8% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 13.80 ล้านลิตร/วัน ลดลง 33.7% การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15.65 ล้าน กก./วัน ลดลง 13.6% และการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.31 ล้าน กก./วัน ลดลง 23.8%
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ประเทศไทยต้องประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 มา และทำให้หลายกิจกรรมต้องหยุดลงเพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการปิดเมือง (ล็อกดาวน์) ที่ส่งผลกระทบไม่มีการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งสะท้อนให้การเดินทางทางรถยนต์และอากาศยานลดลงอย่างมาก
จากผลดังกล่าวทำให้การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 979,427 บาร์เรล/วัน คิดเป็น 7.6% โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 947,032 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 3.5% คิดเป็นมูลค่า 48,608 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และการ Lock down อย่างต่อเนื่อง ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปเป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงอยู่ที่ 32,395 บาร์เรล/วัน ลดลง 58.9% คิดเป็นมูลค่า 1,661 ล้านบาท/เดือน