ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็นเจ” ผุดแผน 5 ปีสร้างโรงงานใหม่เพิ่มผลิตเป็น 6 แสนขวดต่อวัน พร้อมสยายปีกรับโออีเอ็ม เน้นตลาด CLMV ปั้นแบรนด์ตัวเองลงตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมยามโควิด-19 ระบาด ยอมรับท้าทาย
นายปรัชญาทวี สุดยินดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นเจ รัฐนนท์ อินเตอร์ฟู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายน้ำผลไม้แบรนด์เอ็นเจ หรือ NJ เปิดเผยว่า แผนงาน 3-5 ปีจากนี้เอ็นเจจะสร้างโรงงานใหม่เพิ่มอีก 1 โรงงาน รองรับการขยายธุรกิจไปในกลุ่มเครื่องดื่มชนิดอื่นอีก 2-3 ไลน์การผลิต รวมถึงรองรับกลยุทธ์การรับผลิตน้ำผลไม้แบบ OEM โดยเฉพาะการจ้างผลิตในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, สปป.ลาว, พม่า และเวียดนาม)
แต่ยังไม่สรุปว่าจะสร้างโรงงานใหม่ในประเทศ หรือไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อลดข้อจำกัดเรื่องการค้าระหว่างประเทศลง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนประมาณ 100-150 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำลังผลิตประมาณ 4-6 แสนขวดต่อวัน และตั้งเป้าหมายรายได้รวม 3-5 ปีจากนี้ไว้ที่ 1,500-2,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้แบ่งเป็น ในประทศ 70% และต่างประเทศ 30%
ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์โรคโควิด-19 สิ้นสุดลง “เอ็นเจ” จะเริ่มเดินหน้าขยายการผลิตแบบเต็มกำลังที่ 120,000 ต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อการจำหน่ายหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นฟู จากโรงงานเดิมที่ถนนรังสิต-นครนายก ปทุมธานี
“เอ็นเจ” มีจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2558 จากการรับสินค้าเข้ามาจำหน่าย ก่อนเริ่มทำการคิดค้นสูตร และผลิตน้ำผลไม้ของตัวเองในที่สุดออกมาเป็นแบรนด์ เอ็นเจ เพื่อรุกตลาด Premium Market ด้วยจุดแข็งคือการเป็นน้ำผลไม้พรีเมียม 100% ที่มีเนื้อผลไม้มากกว่า จึงถือว่าเราเป็นผู้เล่นน้องใหม่ในตลาดน้ำผลไม้ที่มีมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ที่มีคู่แข่งใหญ่น้อยหลายรายและแข่งขันรุนแรง
ตลาดน้ำผลไม้กลุ่มบน หรือ Premium Market มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 36% ของตลาดทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4 พันล้านบาท ตลาดกลุ่มนี้เป็นน้ำผลไม้แท้ 100% เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ แบรนด์ส่วนใหญ่ในตลาดจึงเจาะจงไปที่น้ำผลไม้ราคาสูง ไม่มีส่วนผสมของเนื้อผลไม้ หรือแบรนด์อื่นที่เน้นส่วนผสมของเนื้อผลไม้จะมีสัดส่วนน้ำผลไม้ 40-49% จึงจัดอยู่ในกลุ่มตลาดกลาง หรือ Medium Market แต่ “เอ็นเจ” จะโฟกัสทั้งสองจุด คือ การเป็นน้ำผลไม้แท้ 100% ที่เน้นส่วนผสมของเนื้อผลไม้ด้วย เพื่อบุกตลาดกลุ่มบนเต็มตัว ในปีนี้
โดยประเดิมด้วยน้ำผลไม้แท้ผสมสารสกัดจากหญ้าหวาน 2 รสชาติยอดนิยมของแบรนด์ อย่าง “น้ำสตรอว์เบอร์รีสดพร้อมลูกสตรอว์เบอร์รี” และ “น้ำส้มคั้นพร้อมเกล็ดส้ม” จำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด อย่าง 7-11 ทุกสาขา ทั่วประเทศ
“ปีที่แล้ว (2562) ตลาดน้ำผลไม้ในไทยชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยในกลุ่มตลาด Premium Market ติดลบ 6% เพราะเทรนด์ด้านสุขภาพที่ทำให้ตลาดเครื่องดื่มกลุ่มอื่นพากันลดปริมาณน้ำตาลเพื่อชูให้ผลิตภัณฑ์ติดเทรนด์ดังกล่าว ทำให้กลุ่มคนรักสุขภาพที่เป็นลูกค้าหลักของน้ำผลไม้หันไปให้ความสนใจเครื่องดื่มอื่นมากขึ้น จนทำให้ตลาดน้ำผลไม้มีมูลค่าลดลง”
เขายังกล่าวด้วยว่า ผลกระทบเรื่องโควิด-19 เป็นสิ่งที่ค่อนข้างหนักและย่ำแย่ในแบบที่ทุกคนต้องเจอ เรารู้ดีว่าการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการในสถานการณ์นี้ต้องแลกกับความเสี่ยงที่สูงมาก เพราะโควิด-19 ที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนในปัจจุบัน ในช่วงแรกเรายังไม่ได้หวังผลถึงยอดขายหรือกำไรที่มากมาย แต่แบรนด์จะเน้นสร้างความรู้จักและเข้าหาผู้บริโภคมากกว่า
สถานการณ์นี้ เอ็นเจได้ร่วมกับ Khaosan Entertainment นำเครื่องดื่มและอาหารมอบแก่ผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคม ทั้งกลุ่มแพทย์ พยาบาล ตำรวจ อาสาสมัคร และผู้ที่ได้รับผลกระทบที่โรงพยาบาลและชุมชนต่างๆ มากกว่า 10,000 ขวดแล้ว ซึ่งสถานการณ์นี้ถือเป็นประสบการณ์ที่แบรนด์น้องใหม่อย่างเอ็นเจพบเจอ และทำให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้นด้วย
รวมทั้งการใช้ 2 พรีเซ็นเตอร์ “น้องเก้า นพเก้า เดชาพัฒนคุณ” และ “น้องเอิร์ธ กัษมนณัฏฐ์ นามวิโรจน์” นักแสดงจากซีรีส์ดังเรื่อง ด้ายแดง “Until We Meet Again the Series” มา LIVE ผ่านแพลตฟอร์ม Facebook เพื่อเดินบทบาทของน้ำผลไม้ยุคใหม่ ช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และกระจายภาพลักษณ์ชัดเจนให้เกิดแก่ผู้บริโภควัยรุ่นได้อย่างรวดเร็ว