ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีพีแอล” เตรียมนำสินค้าเซฟตี้โปรดักต์ แบรนด์ “แพงโกลิน” เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ เน้นกลุ่มดูแลสุขภาพ-โรงพยาบาล และกลุ่มประชาชนทั่วไป มั่นใจมีโอกาสขยายตัวสูง หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยใหม่ เผย 3 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายสินค้าเซฟตี้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.6%
นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้โปรดักต์) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” กิจการในกลุ่มบริษัท เจริญสิน เปิดเผยว่า หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ทำให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงการใช้ชีวิตวิถีใหม่ หรือ “นิวนอร์มัล” (New Normal) โดยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพมากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีของสินค้าป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล หรือ PPE (Personal Protective Equipment) ในการมองหาฐานลูกค้าใหม่เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสินค้าเซฟตี้โปรดักต์แบรนด์ “แพงโกลิน” จะเน้นจับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและกลุ่มก่อสร้าง ซึ่งเป็นสองอุตสาหกรรมที่คำนึงเรื่องความปลอดภัยสูงสุด แต่หลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ มองเห็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สามารถจะเข้าไปทำตลาดได้อย่างน้อย 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ บริการทางด้านแพทย์หรือโรงพยาบาล และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการใช้สินค้าเซฟตี้โปรดักต์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
“ซีพีแอลเตรียมพร้อมขยายธุรกิจสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งโรงพยาบาลและประชาชนทั่วไป เริ่มที่การพัฒนาทักษะของทีมงาน โดยใช้แนวคิด De-Skill ลดทักษะที่ไม่ทันสมัย, Re-Skill เรียนรู้ทักษะใหม่ และ Up-Skill ผสมทักษะใหม่กับเก่า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการวางแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด เสริมความเข้มแข็งของช่องทางการขายต่างๆ ทั้งโชว์รูมที่มีอยู่ 18 สาขา รวมถึงช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องทางขายผ่านออนไลน์ ที่จะเสริมทีมพนักงานขายและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย” นายภูวสิษฏ์กล่าว
สำหรับยอดขายสินค้ากลุ่มเซฟตี้โปรดักต์ในช่วง 3 เดือนของปี 2563นี้ อยู่ที่ 205 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 9 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 4.6% โดยสินค้าที่เป็นไฮไลต์เป็นกลุ่มสินค้าป้องกันโควิด-19 ในกลุ่ม PPE ที่ยอดขายเพิ่ม 15.7% ประกอบด้วย หน้ากากแพงโก แคร์ (Pango Care) เพิ่มขึ้น 30%, ชุดป้องกันอัลติเทค (Ultitec) เติบโต 350%, แว่นตานิรภัย Pango Visionเติบโต 20% และหน้ากากซันด์สตรอม (Sundstrom) เติบโต 60% ขณะที่สินค้ารองเท้านิรภัยมียอดขายอยู่ที่ 139 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสแรกของปี 2562 โดยในปีนี้คาดว่ายอดขายจะมีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีแอล กรุ๊ป กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้เชื่อว่าการแข่งขันจะสูงขึ้น โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เห็นโอกาสจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้น