เซ็นทรัลพัฒนา เปิด 5 แม่บทการดูแลรักษาความสะอาด และความปลอดภัยสูงสุดสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการศูนย์การค้า แจงถี่ยิบทุกขั้นตอนตั้งแต่เข้าจนถึงออกจากศูนย์ฯ พร้อมแยกย่อยมาตรการสำหรับแต่ละประเภทร้านค้า ชี้กรณีศึกษา “เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช” ปฏิบัติได้จริง เปิดทำการแล้ว 15 วัน มีผู้ใช้บริการ 25% ช่วยให้พนักงานร้านค้ามีรายได้ ย้ำชัด การเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ จะขึ้นอยู่กับคำสั่งของภาครัฐเท่านั้น
“วัลยา จิราธิวัฒน์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า บริษัทได้ริเริ่มวางแผนมาตรการเชิงรุก “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” เพื่อเตรียมพร้อมนำมาปฏิบัติในศูนย์การค้าทุกแห่งของบริษัทเมื่อภาครัฐอนุมัติให้เปิดทำการศูนย์การค้า และเปิดกว้างให้ทุกกิจการค้าปลีกของไทยสามารถนำแผนแม่บทเหล่านี้ไปใช้ปฏิบัติได้
โดยมาตรการนี้จะเป็นแผนแม่บทที่ใช้ในระยะยาวจนกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะรักษาหรือป้องกันได้สำเร็จ ดังนั้น มาตรการเหล่านี้นับว่าเป็น New Normal ของทั้งร้านค้า พนักงาน และผู้มาใช้บริการที่จะต้องปรับพฤติกรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัย
“เราเตรียมพร้อมสร้างความมั่นใจเพราะไม่มีใครทราบว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกนานเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม
เราเชื่อมั่นใน “พลังประเทศไทย” ที่เกิดจากความร่วมมือกันของทั้ง 3 ฝ่าย คือ (1) ภาคประชาชนมีวินัยช่วยกันป้องกัน (2) ภาครัฐดูแลสุขภาพคนไทยอย่างเต็มที่ และ (3) ภาคเอกชนมีแผนมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยที่เคร่งครัดรัดกุมปฏิบัติได้จริงตลอดระยะเวลา
โดยเราพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐเต็มที่และต่อเนื่องในการปฎิบัติตามมาตรการต่างๆ รณรงค์การทำ Social Distancing ที่ชัดเจนและเคร่งครัดจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และเชื่อมั่นในการดำเนินการของภาครัฐด้านสาธารณสุขของไทยที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วโลกย้ำชัดว่าการเปิดทำการศูนย์การค้าฯ ต้องขึ้นอยู่กับภาครัฐตัดสินใจ เพียงแต่เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน” วัลยากล่าว “สิ่งเหล่านี้บริษัทได้คุยกับร้านค้าแล้วว่าสามารถปฏิบัติได้จริง และเราสื่อสารกับร้านค้าให้เริ่มอบรมพนักงานแล้ว”
สำหรับมาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” แบ่งออกเป็น 5 แกนหลัก ดังนี้
1.การคัดกรองอย่างเข้มงวด (Extra Screening) วัดอุณหภูมิทุกคนก่อนเข้าศูนย์ฯ และทุกร้านค้า, ทั้งพนักงานและผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา โดยเซ็นทรัลมีบริการจำหน่ายหน้ากากผ้าบริเวณทางเข้าให้กับลูกค้า, พนักงานที่บริการใกล้ชิดลูกค้าต้องสวม Face shield และสวมถุงมือ และมีมาตรการเข้มงวดพิเศษสำหรับ Delivery man
2.มาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด เช่น จำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์การค้า ไม่เกิน 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. รวมถึงภายในร้านค้ามีการจำกัดคนเข้าและให้เว้นระยะห่าง1-2 ม., ร้านค้าและพื้นที่ส่วนกลาง ลิฟท์-บันไดเลื่อน-ห้องน้ำ ต้องรักษาระยะห่าง 1-2 ม. ทุกจุด, จัดคิวขณะรอ และมีพื้นที่นั่งคอย, มีฉากกั้นแบ่งส่วนครบครันด้วย 5 Shields: Face Shield / Food Shield / Table Shield / Counter Shield / Cashier Shield พร้อมสร้างการตระหนักรู้วิธีปฏิบัติให้ทุกคนทราบอย่างต่อเนื่องโดยติดตั้งป้ายเตือนการเว้นระยะห่างจากกันภายในศูนย์การค้า
3.การติดตามเพื่อความปลอดภัย (Safety Tracking) มีการ Tracking ข้อมูลสุขภาพ และการเดินทางของพนักงานในศูนย์และร้านค้าย้อนหลัง 14 วัน และมีแบบฟอร์มให้กรอกก่อนเปิดศูนย์ฯ และทุกวันก่อนเริ่มงาน และสำหรับอาหาร Take away ทุกกล่อง ต้องระบุข้อมูลชื่อร้าน สาขา และเวลา พร้อมชื่อและอุณหภูมิของผู้ประกอบอาหารติดบนกล่องอาหาร เพื่อการตรวจสอบย้อนกลับได้หากมีความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อที่เกี่ยวข้องกับศูนย์การค้า
4.การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส (Deep Cleaning) มีพรมเช็ดเท้าฆ่าเชื้อบริเวณทางเข้า, เช็ดทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสทุก 30 นาที ทั้งศูนย์การค้าและทุกร้านค้า และฆ่าเชื้อหลังปิดศูนย์ฯ พร้อมทำ Big Cleaning ทุกสัปดาห์, บริการฆ่าเชื้อที่ถุงสินค้าก่อนกลับบ้านด้วยรังสี UV-C, ทำความสะอาดฆ่าเชื้อบัตรศูนย์อาหาร / บัตรจอดรถทุกใบ และมีมาตรการพิเศษสำหรับห้องบริการต่างๆ เช่น ห้องแม่และเด็ก ห้องละหมาด ห้องลอง ห้องเรียน และทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นก่อนและหลังใช้บริการ
5.ลดการสัมผัส (Touchless Experience) ส่งเสริมการใช้ Cashless และ E-payment, บริการถุงใส่เงินทอนที่จุดแคชเชียร์ทุกร้านค้า,จัดพนักงานเปิดปิดประตูศูนย์การค้าและร้านค้า และกดลิฟท์ให้ลูกค้าเพื่อลดการสัมผัส (Buttonless)
จุดไฮไลต์สำคัญอย่างหนึ่งของเซ็นทรัลคือจะมีการ tracking จำนวนคนภายในศูนย์ฯ ไม่ให้เกิน 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. ทำให้ศูนย์การค้าขนาดกลางพื้นที่ 1 แสนตร.ม. อนุญาตให้มีผู้ใช้บริการไม่เกิน 2 หมื่นคน โดยเซ็นทรัลจะตรวจสอบจำนวนคนตลอดเวลา หากมีผู้ใช้บริการเกินกำหนดจะแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่กั้นประตูทางเข้าและให้ผู้ที่ต้องการใช้บริการเข้าคิวรอด้านนอกก่อน
ลงรายละเอียดแยกประเภทร้านค้า
นอกจากแผน 5 แกนหลักสำหรับใช้ในทุกพื้นที่ของศูนย์การค้าแล้ว เซ็นทรัลพัฒนายังจัดทำรายละเอียดแยกย่อยสำหรับร้านค้าแต่ละประเภทด้วย เช่น
1.ร้านอาหาร จัดโต๊ะนั่งเยื้องกันและห่างไม่ต่ำกว่า 1 เมตร, จัดทำฉากกั้น Table Shield บนโต๊ะอาหาร, ร้านแบบปิ้งย่างหรือหม้อต้ม จัดอุปกรณ์การทาน 1 คนต่อ 1 ชุด, ยกเลิกการให้บริการแบบ Buffet เปลี่ยนเป็นสั่งจากพนักงาน
และสำหรับศูนย์อาหาร เพิ่มเติมการกำหนดทางเข้า-ออกศูนย์อาหารพร้อมการวัดอุณหภูมิทุกครั้งก่อนเข้า, สนับสนุนการจ่ายเงินแบบE-Payment, กำหนดจุดสั่งอาหารที่ชัดเจนและมีจุดให้เข้าคิวแบบSocial Distancing, งดการวางช้อนส้อมในจุดบริการส่วนกลาง และมีTable Shieldที่โต๊ะรับประทานอาหาร
2.ร้านแฟชั่น แยกเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ลูกค้าลองแล้วไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อก่อน, มีถุงเท้าบริการให้ลูกค้าใส่ก่อนลองรองเท้า และเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง
3.ร้านเทคโนโลยี ธนาคาร ศูนย์บริการเครือข่ายมือถือ กำหนดระยะห่าง 1-2 เมตรในร้านพร้อมจัดที่นั่งรอด้านนอกร้าน, อุปกรณ์ Demo ต้องเช็ดทำความสะอาดทันทีหลังลูกค้าสัมผัส
4.ร้านบริการเสริมความงาม ลูกค้าต้องกรอกแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงโรคโควิด-19 ก่อนเข้ารับบริการ, ผู้ใช้บริการต้องนัดหมายล่วงหน้าเพื่อควบคุมปริมาณลูกค้า, ไม่อนุญาตให้มีผู้ติดตามนั่งรอในร้าน, งดให้บริการที่ใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมง, งดให้บริการนวดและหัตถการที่ใกล้ชิดลูกค้าเกินไป, งดการสนทนาขณะบริการ, ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออุปกรณ์และห้องที่ให้บริการทุกครั้งหลังใช้งาน
เริ่มแล้วที่เมืองคอน ลูกค้าเข้าใช้บริการ 25%
วัลยากล่าวต่อว่า บริษัทได้เริ่มปฏิบัติมาตรการเหล่านี้ที่เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 63 เนื่องจากจังหวัดนครศรีธรรมราชผ่อนคลายให้เปิดทำการศูนย์การค้าได้ ทำให้เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช เป็นเหมือน sandbox ให้กับบริษัท โดยมีร้านค้าภายในศูนย์ฯ เปิดทำการราว 80% ของทั้งหมดช่วยพนักงานร้านค้าและพนักงานศูนย์การค้าในจังหวัดนี้ได้กว่า 2,000 คน
โดยการเปิดให้บริการของเซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราชประสบความสำเร็จด้วยดี ได้รับความร่วมมือจากทั้งร้านค้า พนักงาน และผู้มาใช้บริการ โดยพบว่ามีลูกค้าใช้บริการ 25% จากทราฟฟิกปกติก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19
“บริษัทไม่ได้คาดหวังว่าในช่วงแรกจะมีคนมาใช้บริการจำนวนมาก เพราะเข้าใจถึงสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้ทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้จริงเพื่อให้คนได้มีงานทำ แต่ยังปลอดภัยอยู่ ให้เศรษฐกิจเดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง วัลยากล่าว “เรายังคงยืนยันสนับสนุนการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติต่อไป แต่หากลูกค้ามีความจำเป็นต้องออกมาซื้อของเราก็พร้อมอำนวยความสะดวกและดูแลความสะอาดอย่างเต็มที่ พร้อมมีบริการเดลิเวอรี่ตอบโจทย์ New Normal Lifestyle ไว้รองรับ เช่น One Call, One Click บริการ Central Eats ร่วมกับ Grab Food”