กพท.หารือ 20 สายการบินเตรียมมาตรการก่อนเปิดบินภายในประเทศ 1 พ.ค. เข้มมาตรการเว้นระยะห่าง ขายตั๋วได้ไม่เกิน 70% ของจำนวนที่นั่ง ห้ามบริการอาหารบนเครื่อง คุมค่าตั๋วต้องไม่เกินเพดาน
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับสายการบินสัญชาติไทยและสายการบินต่างชาติกว่า 20 สายการบินเมื่อวันที่ 23 เม.ย.เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการควบคุมโรค และเตรียมความพร้อมในการกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ค. 2563 หลังจากที่ก่อนหน้านี้สายการบินส่วนใหญ่ได้ประกาศหยุดให้บริการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เบื้องต้นมี 2 สายการบิน คือ ไทยแอร์เอเชีย และไทยไลออนแอร์แจ้งว่ามีความพร้อมในการทำการบินในวันที่ 1 พ.ค. นอกจากนี้ มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาประกอบด้วย คือ การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปจากวันที่ 30 เม.ย.นี้หรือไม่ รวมถึงมาตรการในแต่ละจังหวัดที่มีการประกาศล็อกดาวน์ เช่น ภูเก็ต ที่ส่งผลให้ต้องปิดสนามบินภูเก็ตไปด้วย
ทั้งนี้ แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจะลดลง และสายการบินภายในประเทศจะกลับมาให้บริการเส้นทางได้ แต่ทุกสายการบินยังจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ขั้นตอนการขายบัตรโดยสารในลักษณะที่นั่งเว้นที่นั่ง และในช่วงเดินทางจะต้องปฏิบัติการเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างผู้โดยสาร (Social Distancing) ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเช็กอิน การขึ้นและลงเครื่องบิน โดยจะไม่มีบริการอาหาร และเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน
ส่วนเส้นทางที่มีระยะเวลาการบินเกินกว่า 90 นาทีสายการบินจะต้องกันที่นั่งแถวหลังไว้พิเศษสำหรับแยกผู้โดยสารที่มีอาการน่าสงสัยระหว่างเที่ยวบิน
ด้านลูกเรือจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ถุงมือ และ Face shield ส่วนผู้โดยสารต้องรับผิดชอบสวมใส่หน้ากากอนามัยมาเองและใส่ตลอดเวลาการเดินทาง รวมถึงไม่สามารถนำอาหารของตนเองมารับประทานในเครื่องบินได้
“มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมนั้น จะทำให้การจำหน่ายตั๋วได้ในสัดส่วน 70% ของจำนวนที่นั่ง เช่น เครื่องบิน ATR มีประมาณ 70 ที่นั่ง จะขายตั๋วได้ไม่เกิน 49 ที่นั่ง ซึ่งสายการบินจะต้องพิจารณาในเรื่องของความคุ้มทุนในการเปิดบินแต่ละเส้นทาง”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าโดยสารนั้น สายการบินจะต้องกำหนดตามโครงสร้างของอัตราที่กพท.กำหนดไม่เกินเพดาน 9.40 บาทต่อ กม. ซึ่งที่ผ่านมาสายการบินกำหนดค่าโดยสาร โดยคำนวณที่ระดับ 3-5 บาทต่อ กม. ซึ่งยังไม่เกินเพดานโครงสร้างราคาที่กำหนดไว้ ส่วนสายการบินจะกำหนดราคาเพิ่มขึ้นจากเดิมหรือไม่ขึ้นกับสายการบินเอง ซึ่งหากปรับราคาเพิ่มจากเดิมมากจะส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้โดยสารได้ ซึ่งปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารลดลงอยู่แล้วเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 การเดินทางจึงมีเฉพาะคนที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
ด้านนายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK กล่าวว่า ที่ผ่านมาสายการบินนกแอร์ยังให้บริการบินภายในประเทศ โดยอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตารางการบิน และหยุดบินชั่วคราวบางเส้นทางเพื่อให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ พร้อมทั้งมีมาตรการความปลอดภัยของผู้โดยสาร เช่น การเว้นระยะห่างของที่นั่งในห้องโดยสาร การทําความสะอาดเครื่องบินแบบขั้นสูงสุดทุกวัน (Disinfection / Deep Clean) รวมถึงการใช้ระบบกรองอากาศแบบ “HEPA Filters” พร้อมเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศในเครื่องบิน และการฉีดพ่นทําความสะอาดบนรถบัสรับส่งผู้โดยสารอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเดือน มี.ค.เป็นต้นมามีสายการบินแจ้ง กพท.ขอหยุดทำการบิน ได้แก่ การบินไทย หยุดบินทุกเส้นทาง เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.-31 พ.ค. 63 สายการบินไทยสมายล์ หยุดบินในประเทศชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 7-31 พ.ค. 63 และหยุดบินเส้นทางระหว่างประเทศ 23 มี.ค.-31 พ.ค. 63, สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส หยุดบินเส้นทางในประเทศ 7 เม.ย.-30 เม.ย. 63
สายการบินไทยแอร์เอเชียหยุดบินในประเทศชั่วคราว 1-30 เม.ย. 63 เส้นทางระหว่างประเทศ 22 มี.ค.-30 เม.ย. 63 ส่วนไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กำหนดกลับมาบินในวันที่ 17 มิ.ย. 63
ด้านสายการบินนกแอร์ หยุดบินชั่วคราว 1-30 เม.ย. เส้นทางกรุงเทพฯ-ลำปาง/แม่สอด/บุรีรัมย์, หยุดบิน 10-30 เม.ย. เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต, หยุดบิน 1 เม.ย.-30 พ.ค. เส้นทางกรุงเทพฯ-แพร่/เลย/ชุมพร/ระนอง/ตรัง เส้นทางเชียงใหม่-อุดรธานี /อุบลราชธานี