ทอท.เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบิน ลดค่าเช่า พท.และค่า Landing&Parking 50% ถึงสิ้นปี 63 ปรับอัตราผลตอบแทนค่าสัมปทาน เยียวยาผลกระทบโควิด-19
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ เป็นประธาน มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบดำเนินงานของ ทอท.เพิ่มเติมจากมติคณะกรรมการ ทอท.ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2563 เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและสายการบินจากการลดลงของเที่ยวบินและผู้โดยสาร และสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ประกอบด้วย
1. มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินเกี่ยวกับค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร
และค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่รายเดือน สำหรับกรณีผู้ประกอบการและสายการบินมีหนังสือขอยกเลิกการประกอบกิจการชั่วคราวหรือท่าอากาศยานของ ทอท.ปิดให้บริการชั่วคราว ทอท.จะยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร และค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่รายเดือนให้แก่ผู้ประกอบการและสายการบิน มีกำหนดระยะเวลา 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-31 ธ.ค. 2563 หรือวันที่ผู้ประกอบการและสายการบินแจ้งขอกลับเข้ามาประกอบกิจการ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน
กรณีผู้ประกอบการและสายการบินที่ยังประกอบกิจการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบดำเนินงานของ ทอท. ปรับลดค่าเช่าพื้นที่ในอัตรา 50% ให้แก่ผู้เช่าทุกราย มีกำหนดระยะเวลา 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-31 ธ.ค. 2563, เรียกเก็บค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ในอัตรา 15% ของค่าเช่าพื้นที่ที่ปรับลดลง 50%, ให้ใช้อัตราค่าเช่าพื้นที่และค่าบริการการใช้บริการในอาคารตามบัญชีอัตราค่าภาระการใช้ท่าอากาศยาน ทรัพย์สิน บริการและความสะดวกต่างๆ ในกิจการของ ทอท. ฉบับปี 2559 สำหรับการคิดส่วนลดตามเกณฑ์ข้างต้น
2. มาตรการช่วยเหลือสายการบินในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ แบ่งเป็น กรณีสายการบินขอหยุดให้บริการชั่วคราวหรือท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท.ปิดให้บริการชั่วคราว ทอท.จะยกเว้นค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charges) มีกำหนดระยะเวลา 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-31 ธ.ค. 2563 โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับอนุมัติการยกเว้นการเรียกเก็บอัตราดังกล่าวจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Charges) ในอัตรา 50% และค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charges) สำหรับสายการบินที่ยังคงมีเส้นทางบินในอัตรา 50% สำหรับทุกเส้นทางการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เป็นระยะเวลา 9 เดือน ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-31 ธ.ค. 2563 กรณีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) ให้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป สายการบินที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการตลาดด้านการบิน (Incentive Scheme) หรือมาตรการช่วยเหลือของ ทอท. จะได้รับประโยชน์ในรายการสนับสนุนประเภทเดียวกันได้เพียงรายการเดียวที่สายการบินได้รับประโยชน์สูงสุด
3. ให้สิทธิ์เลื่อนการชำระค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ค่าบริการสนามบิน (Landing and Parking Charges) และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charges) ให้แก่ผู้ประกอบการและสายการบินที่ร้องขอ จำนวน 9 งวด ตั้งแต่งวดเดือน เม.ย.-ธ.ค. 2563 โดยในแต่ละงวดให้ขยายระยะเวลาการชำระออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือนจากวันครบกำหนดชำระตามระยะเวลาปกติ ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ประกอบการและสายการบินร้องขอ
4. ขยายระยะเวลาการชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนในการประกอบกิจการของผู้ประกอบการตามมติคณะกรรมการ ทอท.ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2563 จากเดิมจำนวน 6 งวด (ก.พ.-ก.ค. 2563) เป็น 11 งวด (ก.พ.-ธ.ค. 2563) โดยให้ขยายระยะเวลาการชำระของแต่ละงวดออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือนจากวันครบกำหนดชำระตามระยะเวลาปกติ ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ประกอบการและสายการบินร้องขอ
5. ปรับอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่และอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจากการประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. ภายหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตามมติคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันพุธที่ 19 ก.พ. 2563 (วันที่ 31 มี.ค. 2565) ดังนี้
5.1 สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเป็นลายลักษณ์อักษรจาก ทอท. หรือที่มีการ
ลงนามในสัญญาและเข้าพื้นที่ประกอบกิจการก่อนหรือภายในวันที่ 19 ก.พ. 2563 หรือผู้ประกอบการรายเดิมที่มีการต่อสัญญากับ ทอท. ในระหว่างที่มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ มีผลอยู่ ให้นำอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของปีก่อนหน้ามีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ (ปี 2562) มาใช้กำหนดเป็นอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ
5.2 สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเป็นลายลักษณ์อักษรจาก ทอท. หรือที่มีการ
ลงนามในสัญญาแล้ว แต่ยังไม่เข้าพื้นที่ประกอบกิจการก่อนหรือภายในวันที่ 19 ก.พ. 2563 ให้นำอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอในการประมูลหรือการเจรจาตกลงค่าตอบแทน มาใช้กำหนดเป็นอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ
5.3 ในการเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ประกอบการตามข้อ 5.1 และ 5.2 สำหรับปีถัดจากปีแรกของรอบสัญญาหลังจากสิ้นสุดมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ ให้ฝ่ายบริหาร ทอท.พิจารณาเปรียบเทียบจำนวนผู้โดยสาร ณ ปีนั้นกับปีก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 (ปี 2562) หากน้อยกว่าให้ใช้อัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรือค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของปีก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 (ปี 2562) ของแต่ละท่าอากาศยานมาใช้กำหนดเป็นอัตราเรียกเก็บ แต่หากปรากฏว่าจำนวนผู้โดยสาร ณ ปีนั้นมากกว่าปีก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 (ปี 2562) ให้ใช้อัตราการเติบโตจากจำนวนผู้โดยสาร ณ ปีนั้น เพื่อเป็นฐานในการคำนวณค่า MAGi เป็นต้นไป
ทั้งนี้ มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินข้างต้น ใช้กับผู้ประกอบการและสายการบินเฉพาะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมีนิติสัมพันธ์กับ ทอท.อยู่ก่อนแล้วในวันที่คณะกรรมการ ทอท.มีมติ (วันที่ 22 เม.ย. 2563) และ ทอท.สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือยกเลิกเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบิน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19