อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) ฟ้องโฆษกกรมศุลกากรหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หลังปูดให้ส่งออกหน้ากากอนามัยรวม 330 ตัน ยัน ม.ค.ยังไม่ได้ห้ามเหตุยังไม่เป็นสินค้าควบคุม ส่วนเดือน ก.พ.ให้ส่งออกแค่ 12.7 ล้านชิ้นเฉพาะสเปกพิเศษ แบบสีเขียวห้ามหมด พร้อมแจ้งข่าวดีผู้ผลิตสินค้าสเปกพิเศษร่วมมือผลิตสีเขียว ทำให้ตัวเลขต่อวันขยับเป็น 1.56 ล้านชิ้น เตรียมจัดสรรเพิ่มให้สาธารณสุข และเร่งกระจายให้ประชาชน
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยได้ทำการแจ้งความดำเนินคดีโฆษกกรมศุลกากร ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในข้อหาหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หลังมีการให้ข่าวกระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยรวม 330 ล้านตัน ทำให้กรมฯ ได้รับความเสียหาย คนทั้งประเทศได้รับรู้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แม้จะทำการชี้แจงในระยะต่อมาแต่ก็ทำให้กรมฯ ได้รับความเสียหายไปแล้ว
“ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะผมเป็นลูกหม้อกรมการค้าภายใน ทำงานบรรจุที่นี่ ไม่ต้องการให้ใครมาทำให้เสียหาย ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยมีปัญหากับโฆษกกรมศุลกากรเป็นการส่วนตัว แต่ในเมื่อกล่าวหามาก็ต้องไปแก้ข้อกล่าวหาเอง” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า การส่งออกที่กรมศุลกากรนำตัวเลขมาโชว์นั้นมีความผิดพลาด เพราะการส่งออกในเดือนม.ค. 2563 เป็นช่วงก่อนที่หน้ากากอนามัยจะเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ห้าม แต่หลังจากวันที่ 4 ก.พ. 2563 เมื่อประกาศเป็นสินค้าควบคุมแล้วก็มีมาตรการห้ามส่งออก และมีคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อพิจารณาการอนุญาตส่งออก ซึ่งผลการพิจารณาได้อนุญาตส่งออกรวม 12.7 ล้านชิ้นจากที่ขอมาทั้งหมด 53.6 ล้านชิ้น และที่ให้ส่งออกก็เป็นสเปกพิเศษ คือใช้ทางการแพทย์ และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นสินค้าที่มีลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เอาใช้ในประเทศไม่ได้ และบางโรงงานได้รับบีโอไอ ต้องผลิตส่งออกทั้งหมด
“คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาไป 3 ครั้ง อนุญาตให้ 7 ราย ส่งออกรวม 12.7 ล้านชิ้น ถ้าคิดเป็นตันก็ราวๆ 40 ตันเท่านั้น โดยส่งออกไปยังออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ และเยอรมนี ไม่ได้มากไปกว่านี้ ส่วนหน้ากากอนามัยแบบสีเขียว ไม่ได้มีการอนุญาตให้ส่งออกเลย” นายวิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์หน้ากากอนามัยล่าสุด เริ่มเห็นข่าวดีหลังจากที่กรมฯ ได้เข้าไปบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทุกชิ้น ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 2563 และยังได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าสเปกพิเศษให้ช่วยผลิตหน้ากากอนามัยที่ไทยจำเป็นต้องใช้ โดยมีหลายรายให้ความร่วมมือปรับไลน์การผลิต ทำให้ตัวเลขยอดรวมที่ผลิตได้ต่อวัน 1.2 ล้านชิ้น ขยับเพิ่มเป็น 1.56 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งได้มีการจัดสรรไปให้กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนชิ้นต่อวัน เพื่อกระจายไปยัง รพ.รัฐและเอกชน สถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ และหากต้องการเพิ่มก็จะลดสัดส่วนในส่วนของกรมฯ ลงมา ซึ่งปัจจุบันได้รับที่ 7.6 แสนชิ้น จะเร่งกระจายให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ เช่น การบินไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ตรวจคนเข้าเมือง และประชาชนทั่วไปผ่านร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อต่างๆ โดยมั่นใจว่าสถานการณ์หน้ากากอนามัยจะดีขึ้นหลังมียอดการผลิตเพิ่มขึ้น
