“ศักดิ์สยาม” สั่ง ทอท.ประสาน ทย.ขอใช้หลุมจอดเครื่องบินรองรับสายการบินทยอยหยุดบิน จากสถานการณ์ “โควิด-19” ด้านสุวรรณภูมิรายงาน 10 มี.ค.มีเที่ยวบินจากเกาหลี 3 เที่ยวบินส่งต่อผู้โดยสารตามขั้นตอน
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ระบุว่า จากประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศ กำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักร 6 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้, จีน, มาเก๊า, ฮ่องกง, อิตาลี, อิหร่าน เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั้น
ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขจะบังคับใช้ผลการตรวจ LAB COVID-19 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2563 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.นั้น จะส่งผลให้หลายสายการบินต้องทยอยยกเลิกการบินจาก 6 ประเทศ ซึ่งจะเกิดผลกระทบในส่วนของหลุมจอดเครื่องบิน ซึ่งคาดว่าจะมีไม่เพียงพอสำหรับการรองรับเครื่องบินที่ไม่ได้ทำการบิน โดยเฉพะสนามบินดอนเมือง ซึ่งได้กำหนดให้จอดบนทางขับในบางเวลาแล้วในขณะนี้
ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากที่ กพท.ได้ประกาศแนวปฏิบัติสำหรับสายการบินที่ทำการบินเส้นทาง 6 ประเทศที่เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป จะทำให้มีสายการบินเริ่มทยอยหยุดบินในเส้นทางดังกล่าว ขณะที่ทุกสายการบินที่ยังคงให้บริการจะต้องดำเนินการตามประกาศ กพท.โดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ กรณีที่มีสายการบินหยุดบิน และมีปัญหาสนามบินของ ทอท.มีหลุมจอดเครื่องบินไม่เพียงพอ ได้ให้ทอท.ประสานกับกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เพื่อบูรณาการร่วมกันในการใช้หลุมจอดสนามบินของ ทย. รองรับ
@สุวรรณภูมิรายงาน 10 มี.ค.มีเที่ยวบินจากเกาหลี 3 เที่ยวบินส่งต่อผู้โดยสารตามขั้นตอน
ด้านศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ EMERGENCY OPERATION CENTER : EOC (COVID-19) ได้สรุปรายงานการคัดกรองผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ช่วงวันที่ 10 มี.ค. 63 เวลา 08.00 น.-วันที่ 11 มี.ค. 63 เวลา 08.00 น. ว่ามีจำนวนเที่ยวบินทั้งสิ้น 715 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศจำนวน 481 เที่ยวบิน (ขาออกจำนวน 237 เที่ยวบิน ขาเข้าจำนวน 244 เที่ยวบิน) เที่ยวบินภายในประเทศ จำนวน 234 เที่ยวบิน (ขาออกจำนวน 116 เที่ยวบิน ขาเข้าจำนวน 118 เที่ยวบิน)
ผู้โดยสารที่เดินทางผ่านเข้า-ออกมีจำนวนทั้งสิ้น 78,108 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศจำนวน 55,034 คน (ผู้โดยสารขาออกจำนวน 32,201 คน ผู้โดยสารขาเข้าจำนวน 22,833 คน) ผู้โดยสารภายในประเทศจำนวน 23,074 คน (ผู้โดยสารขาออกจำนวน 10,804 คน ผู้โดยสารขาเข้าจำนวน 12,270 คน)
ทั้งนี้ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศได้ดำเนินการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าจำนวนทั้งสิ้น 22,963 คน มีผู้โดยสารที่เป็นไข้ มีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศา จำนวน 1 ราย เป็นผู้โดยสารที่เป็นแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลี ที่มีวีซ่าการเดินทางหมดอายุ (Overstay) โดยผล Lab เป็น Negative
ในวันที่ 10 มี.ค. 63 มีเที่ยวบินที่มาจากประเทศเกาหลี จำนวน 3 เที่ยวบิน (สายการบินไทย 1 เที่ยวบิน KOREAN AIRLINES 2 เที่ยวบิน) จำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 411 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารคนไทยจำนวน 132 คน
ทั้งนี้ ได้มีการนำส่งผู้โดยสารที่เป็นแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลี หากพบวีซ่าการเดินทางหมดอายุจะจัดรถเพื่อนำไปส่งยังพื้นที่ควบคุมโรคที่รัฐกำหนด (กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง) (State Quarantine) โดยกระทรวงกลาโหม จำนวน 54 คน และหากเป็นผู้เดินทางอื่นๆ จะถูกส่งตัวไปพื้นที่ควบคุมโรคใกล้ภูมิลำเนา (Local Quarantine) โดยกระทรวงมหาดไทย จำนวน 46 คน ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งจะมีระบบเฝ้าระวังติดตามอาการจนครบ 14 วัน
นอกจากนี้ มีผู้โดยสารจำนวน 31 คนที่ต้องกักตัวอยู่ที่พักอาศัยของตนเองเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน จนกว่าจะพ้นระยะติดต่อของโรค โดยห้ามออกจากที่พักเด็ดขาดเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ ซึ่ง บขส.ได้สนับสนุนรถบัสขนส่งผู้โดยสารไปยังพื้นที่ควบคุมโรคตามที่รัฐกำหนด
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิได้มีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันโดยเฉพาะการเพิ่มจุดคัดกรองผู้โดยสารขาออก (Exit Screening) จำนวน 3 จุด รวมของเดิม จำนวน 4 จุด รวมทั้งสิ้น 7 จุด ด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิอินฟราเรดขนาดเล็ก (Handheld Thermoscan) ที่บริเวณ
1. อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ 1 จุด
2. จุดตรวจค้นร่างกายและสัมภาระผู้โดยสารหลัง Row B, C
3. อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2 จุด ได้แก่จุดตรวจค้นร่างกายและสัมภาระผู้โดยสาร โซน 2 และโซน 3
4. จุดตรวจค้นร่างกายและสัมภาระผู้โดยสารช่องทาง fast track จำนวน 2 จุด
5. บริเวณช่องทางเดินของบุคลากรทางการบิน