บอร์ด รฟม.เคาะต่ออายุมาตรการลดค่าโดยสารสายสีม่วงอีก 3 เดือน คาดสูญอีก 50 ล้าน เผย “โควิด-19” และปิดเทอมทำผู้โดยสารเพิ่มไม่เข้าเป้า
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประะทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มีนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นประธาน วันที่ 11 มี.ค.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบต่อขยายมาตรการลดค่าครองชีพในการลดโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ เหลือ 14-20 บาท ออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน หรือต่อจากสิ้นเดือน มี.ค.นี้ไปถึงปลายเดือน มิ.ย. 2563 ซึ่งประเมินว่าจะสูญเสียรายได้ตลอด 3 เดือนประมาณ 50 ล้านบาท
สำหรับการลดค่าโดยสารช่วงแรกตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 62-31 มี.ค. 63 นั้น จำนวนผู้โดยสารสายสีม่วงเฉลี่ยอยู่ที่ 62,000 คนต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10% จากที่ตั้งเป้าไว้ว่าควรเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ส่วนสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ ผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 310,000 คนต่อวัน ซึ่งลดลงจากปกติที่มี 350,000 คนต่อวัน ส่วนสีน้ำเงินต่อขยายมีผู้โดยสาร 70,000 ต่อวัน
“ปัจจัยที่ทำให้ผู้โดยสารสีม่วงเพิ่มต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนสีน้ำเงินลดลงจากปกติ เป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง ประกอบกับเป็นช่วงปิดเทอม ซึ่งปกติผู้โดยสารจะลดลงเฉลี่ย 5% อยู่แล้ว ดังนั้น ตัวเลขในช่วงที่ผ่านมาจึงนำมาเป็นสถิติเพื่อประเมินว่ามาตรการลดค่าโดยสารได้ผลอย่างไร ไม่ได้คาดว่าอีก 3 เดือนสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ”
ส่วนของรายได้ที่หายไปนั้น รฟม.จะนำรายได้จากส่วนแบ่งสัมปทานสายสีน้ำเงินมาอุดหนุน ซึ่งประเมินว่ายังมีเพียงพอตลอดการลดค่าโดยสาร โดยขณะนี้ รฟม.มีสภาพคล่องประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อปี แม้จะน้อยกว่าช่วงปกติที่มีสภาพคล่องประมาณ 600-700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ