“บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส” เผยไตรามาส 1/63 ไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด-19 หลังคำสั่งซื้อต่างประเทศพุ่ง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 5-10% แตะ 1.3 หมื่นล้านบาท แย้มปีนี้ควัก 3.5 พันล้านลุยซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ต่างประเทศ และโรงงานเกี่ยวเนื่องบรรจุภัณฑ์แก้วในไทย
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) (BGC) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2563 บริษัทมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากโรคไวรัสโควิด-19 เพราะมีคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์แก้วจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น มั่นใจว่าปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.11 หมื่นล้านบาท มาจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนาม และธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วที่ยังเติบโตต่อเนื่องแม้ว่าจะมีกำลังการผลิตเท่าเดิม
ปัจจุบันบริษัทเดินเครื่องจักรโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วทั้ง 5 โรงงานเต็มที่ กำลังการผลิตรวม 3,495 ตัน/วัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้แม้ว่าโรงงานราชบุรีกล๊าสฯ จะเพิ่งเปิดดำเนินการผลิตก็ตาม โดยบริษัทไม่มีแผนที่จะลงทุนซื้อกิจการ (M&A) หรือตั้งโรงงานเตาหลอมขวดแก้วเพิ่มเติมเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 2 พันล้านบาท แต่จะใช้วิธีการจ้างโรงงานอื่นๆ นอกเครือฯ ในประเทศผลิตภายใต้การควบคุมดูแลคุณภาพโดย BGC แทน
นายศิลปรัตน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนประมาณ 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงงานผลิตเกี่ยวเนื่องบรรจุภัณฑ์แก้วราว 3 พันล้านบาท และอีก 500 ล้านบาทใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตโดยจัดหาเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงมาปรับใช้ทดแทนการผลิตเดิมเพื่อให้บริษัทเดินเครื่องจักรได้เต็ม 100%
ทั้งนี้ บริษัทมีดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ 2-3 โครงการ คาดว่าจะรู้ผลไม่เกินไตรมาส 4/2563 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 300-400 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือเท่ากับมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นปีละ 60 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์มาจากโครงการโซลาร์รูฟในประเทศ และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว เช่น ฝาขวด กระดาษกล่อง ฉลากสินค้า ฯลฯ อีก 2-3 โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 2563 ทำให้บริษัทเข้าสู่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรหรือโทเทิลแพกเกจจิ้งโซลูชัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น