“ศักดิ์สยาม” ตรวจระบบคัดกรองสุวรรณภูมิ มั่นใจความเข้มงวด ตั้งรางวัล 1 หมื่นบาทชี้เป้า “ผีน้อย” หลบตรวจสแกน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ EMERGENCY OPERATION CENTER : EOC (COVID-19) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ขณะนี้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิเป็นไปอย่างเข้มข้น ทุกประเทศและโดยเฉพาะประเทศกลุ่มเสี่ยงที่กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศล่าสุด 4 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษนั้น เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2563 ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมและป้องกันไวรัสโควิด-19 รวมถึงกรมเจ้าท่าได้ออกประกาศมาตรการควบคุมในลักษณะเดียวกัน
โดยผู้โดยสารจะต้องได้รับการตรวจจากแพทย์ตั้งแต่ต้นทาง และต้องได้รับใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่า ไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงจะมีสิทธิ์ได้รับบัตรโดยสารจากสายการบิน รวมทั้งต้องทำ Exit scan ตรวจวัดอุณหภูมิอีกครั้งก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งหากคนใดไม่สามารถแสดงใบรับรองแพทย์ได้จะไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ จากนั้นต้องกรอกแบบฟอร์มของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำมายื่นพร้อมใบรับรองแพทย์ในขั้นตอนเข้าเมืองอีกรอบ ซึ่งไทยจะตรวจว่าใบรับรองแพทย์ได้มาอย่างถูกต้องเป็นทางการอีกครั้ง หากใช้เอกสารปลอมจะถูกดำเนินคดี
ทั้งนี้ สุวรรณภูมิมีการคัดแยกผู้โดยสารอย่างชัดเจนจากประเทศต้นทางกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะจากเมืองแทกูและทางตอนเหนือของจังหวัดคยองซัง ประเทศเกาหลีใต้ จะแยกเป็นพิเศษและส่งไปที่สัตหีบโดยรถ บขส.เพื่อเข้าสู่การกักกันตามขั้นตอน ส่วนกรณีที่มีบุคคลที่มาจากเมืองดังกล่าวหลบเลี่ยงการตรวจสอบ หรือ เดินทางมาก่อนออกมาตรการ ให้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือกักตัวในบ้าน 14 วัน เพื่อรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคม
“ยืนยันสนามบินสุวรรณภูมิมีเครื่องมือพร้อม มีกล้องตรวจสอบ มีระบบฟอกอากาศ PM 2.5 และระบบกรองฆ่าเชื้อโรค เพื่อปกป้องดูแลสุขภาพคนไทย ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีผู้หลบเลี่ยงการตรวจสอบได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันไม่มี เพราะกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่จะเก็บพาสปอร์ตและออกจากเครื่องเป็นกลุ่มสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ผมจะตั้งรางวัลนำจับ 10,000 บาท หากพบเห็นผู้ที่หลบเลี่ยงการตรวจสอบ แล้วให้ข้อมูล หรือชี้เป้า” นายศักดิ์สยามกล่าว
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2563 ทอท.ได้รายงานการคัดกรองผู้โดยสารทั้ง 6 สนามบิน ว่า มีผู้ผ่านการคัดกรองรวมทั้งสิ้นจำนวน 126,726 คน มีผู้ป่วยรวมส่งโรงพยาบาล 14 ราย ส่งต่อสถาบันบำราศนราดูร 6 ราย รพ.เลิดสิน 3 ราย รพ.ทรวงอก 2 ราย และโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี 2 ราย, ผู้โดยสารถูกเก็บสิ่งส่งตรวจและกักกันตามระบบ 1 ราย