ผู้จัดการรายวัน 360 - “อีฟแอนด์บอย” ฝ่าด่านเศรษฐกิจปัยจัยลบ ทุ่ม 500 ล้านบาทผุดอีก 3 สาขาใหม่ปีนี้ เผยโฉมสาขาสยามเอาต์เลตกลางปีโฉมใหม่ พร้อมลุยอี-คอมเมิร์ซ เพิ่มสินค้าอีก
นายหิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด ผู้บริหารร้านความงามมัลติแบรนด์ “อีฟแอนด์บอย” ของไทย เปิดเผยว่า ในปี 2563 นี้บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่องด้วยงบลงทุนรวมประมาณ 500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ผ่านมา เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจและรายได้ให้แก่องค์กร แม้ว่าขณะนี้จะมีปัจจัยลบพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังซื้อ หรือปัญหาไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดหนักในเวลานี้ แต่บริษัทฯ เชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสในระยะยาว
โดยจะขยายสาขาใหม่อีกรวม 3 แห่ง ที่ชัดเจนแล้วเรื่องสถานที่คือ สาขาสยามพรีเมียมเอาต์เลตมอลล์ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ซึ่งสาขานี้จะเป็นสาขาโมเดลใหม่แห่งแรก และหลังจากนี้จะเป็นสาขาต้นแบบในการขยายสาขาใหม่ๆ ต่อไปอีก สาขานี้พื้นที่ 580 ตารางเมตร จะมีการจัดวางสินค้า การบริการ การบริหาร การนำเสนอที่แปลกใหม่ รวมทั้งการตกแต่งด้วย ส่วนอีก 2 สาขายังไม่สามารถเปิดเผยได้
ขณะที่ปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่เพียง 1 แห่ง คือที่ศูนย์การค้าเมญ่า เชียงใหม่ รวมปัจจุบันมีสาขาประมาณ 11 สาขา และวางเป้าหมายระยะยาวจากนี้ปี 2563-2565 จะมีสาขาเปิดบริการรวม 22 แห่ง ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วมาก หากเทียบจากในอดีตที่เปิดบริการมา 15 ปีมี 11 สาขาในเวลานี้ โดยมีฐานลูกค้ามากกว่า 2 ล้านคน และมีความถี่หรือแอ็กทีฟในการซื้อมากถึง 1 ล้านคน
นอกจากนั้นจะขยายไปสู่ช่องทางดิจิทัล หรือบริการอี-คอมเมิร์ซด้วย และจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อทำธุรกิจให้ง่ายและสะดวกสำหรับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งหวังว่าอี-คอมเมิร์ซจะเข้ามามีบทบาทและเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้แก่อีฟแอนด์บอยด้วย
ในส่วนของสินค้านั้นจะมีการเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ ในทุกหมวดหมู่ จากปัจจุบันที่มีมากกว่า 1,000 แบรนด์จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา, ยุโรป, เกาหลี และแบรนด์ของคนไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Personalize & Customize) มากขึ้น นอกจากนี้ แบรนด์ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็มีแผนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นด้วย โดยสัดส่วนสินค้าแบ่งเป็น กลุ่มแมสทีจ 70% และกลุ่มเพรสทีจ 30%
นายหิรัญกล่าวด้วยว่า ปีที่แล้วอีฟแอนด์บอยมียอดขายรวมเติบโตประมาณ 19% ซึ่งตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมายอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 5 ปีหลังนี้ ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้แยกเป็นกลุ่ม เมกอัพ 48%, สกินแคร์ 35%, น้ำหอม 6%, แฮร์แคร์ 3%, แอ็กเซสซอรี 3%, เพอร์ชันนัลแคร์ 3% และอื่นๆ 2%
ล่าสุดได้จัดงาน รางวัล EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2019 เกิดจากความนิยมในสินค้าของลูกค้า EVEANDBOY จากยอดขายจริง และเป็นรางวัลที่ส่งมอบต่อให้แก่คู่ค้าแบรนด์ต่างๆ ที่เป็น “ออฟฟิเชียลพาร์ตเนอร์” (Official Partner) ทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา, ยุโรป, เกาหลี และแบรนด์ของคนไทย โดยตัดสินผลรางวัลจากยอดขายจริงทั่วประเทศกว่า 94 รางวัล EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2019 ซึ่งหลังจากนี้ทาง EVEANDBOY มีแผนการทำงานร่วมกันกับแบรนด์ที่ได้รับรางวัล EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2563 รวมไปถึงการทำกิจกรรมพิเศษ และโปรโมชันต่างๆ จากแบรนด์เพื่อสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง