xs
xsm
sm
md
lg

“อันเดอร์ อาร์เมอร์” ยอไทยตลาดรุ่ง เร่งขยายฐาน-ช่องทางเมืองรอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “อันเดอร์ อาร์เมอร์” สู่ขั้นที่ 2 รุกตลาด บริษัทแม่ยังมั่นใจศักยภาพไทยลงทุนต่อเนื่อง ปี 63 นี้ขยายฐานตลาดและช่องทางสู่หัวเมืองรอง

นางสาวปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูเอ สปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทแม่ของแบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ (Under Armour) ยังให้ความสำคัญและมองตลาดไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะยาว แม้ว่าจะมีปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องแต่ก็เป็นปัญหาในเชิงภาพรวม ซึ่งปัจจุบันในอาเซียนนี้อันเดอร์ฯ มีตลาดอยู่ในแทบจะทุกประเทศแล้ว โดยที่แรกคือสิงคโปร์ เปิดตลาดปี 2557 และตามด้วยมาเลเซีย และไทย ซึ่งในตลาดประเทศไทยแบรนด์อันเดอร์ฯ ติดท็อป 3 ในกลุ่มกีฬาและไลฟ์สไตล์

“แม้ว่าเวลานี้จะเกิดปัญหาเรื่องไวรัสโคโรนาระบาดอย่างหนักแต่มันก็เป็นไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่ที่ไทย แต่เราก็ประเมินไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ จะจบลงเมื่อไร ส่วนในไทยตอนนี้ก็ดีขึ้น แต่เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และยังคงเดินหน้าขยายตลาดในไทยต่อเนื่อง”


ในปี 2563 นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดและสร้างการเติบโตของธุรกิจแบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ (Under Armour) ในไทยมากขึ้น โดยในส่วนของช่องทางจำหน่าย ในปีนี้จะเปิดโมเดลแบรนด์เฮาส์ที่เป็นชอป 2 สาขา คือที่เซ็นทรัลภูเก็ต ไตรมาสที่ 2 และอีกแห่งที่ภาคอีสาน

รวมทั้งจะเปิดโมเดลเคาน์เตอร์ในห้างอีก เช่นที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และอีกโมเดลคือเอาต์เลตที่สยามลักชัวรีเอาต์เลตของกลุ่มสยามพิวรรธน์ที่ร่วมทุนกับกลุ่มไซม่อน คาดว่าจะต้องใช้งบการลงทุนและงบการตลาดปีนี้รวมประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%


ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้วบริษัทฯ เปิดสาขาใหม่โมเดลแบรนด์เฮาส์ 2 แห่ง คือ ที่เซ็นทรัลเชียงใหม่ และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และโมเดลเคาน์เตอร์ในห้างที่เดอะมอลล์บางแค รวมทั้งมีกิจกรรมและการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง สามารถทำยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 50%

นางสาวปริศนากล่าวต่อว่า การรุกตลาดในประเทศไทยจากนี้จะเป็นสเต็ปที่ 2 คือ การขยายฐานการตลาดและลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะการขยายพื้นที่ไปยังหัวเมืองรองและเมืองท่องเที่ยวหลักๆ หลังจากที่ช่วงแรกเราได้วางรากฐานแบรนด์มาอย่างดีแล้ว รวมทั้งในแง่ของการสร้างช่องทางจำหน่ายได้มากในระดับหนึ่ง การสร้างแบรนด์ การทำตลาด และการสร้างฐานลูกค้า และการทำราคาให้ใกล้เคียงกับในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่สิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันราคาอันเดอร์อาร์เมอร์ในไทยเฉลี่ยเท่ากันบางรายการหรือไม่ก็สูงกว่าบางรายการไม่เกิน 10% จากเดิมสูงกว่า 25%

ทั้งนี้ ยอดขายรวมที่ผ่านมาตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในไทยปี พ.ศ. 2558 เปิดสาขาแรกที่สยามเซ็นเตอร์ ในปี 2559 โต 3 หลัก ปี 2560 เติบโตมากกว่า 50% ปี 2561 โตใกล้ 50% ปี 2562 เติบโต 30%


สำหรับสัดส่วนยอดขายอันเดอร์ อาร์เมอร์ ในไทยมาจาก เสื้อผ้า 65% รองเท้า 25% ที่เหลือเป็นแอ็กเซสซอรีต่างๆ โดยแบ่งเป็นลูกค้าผู้ชาย 65% และลูกค้าผู้หญิง 35%

ล่าสุดเปิดตัว UA HOVR Machina พร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยรองเท้าในตระกูล Run Suite ทุกรุ่นของ Under Armour ในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งรวมถึงรุ่น HOVR Machina มาพร้อมกับการเชื่อมต่อด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา Under Armour ได้ยกระดับการเชื่อมต่อนี้ขึ้นอีกขั้น โดยเปิดตัวฟีเจอร์แนะนำการวิ่งแบบเรียลไทม์ ที่จะช่วยทำให้นักวิ่งสามารถรักษาฟอร์มการวิ่งได้อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งการวิ่ง โดยนำเข้ามาจำหน่ายทั้งของผู้ชาย มี 3 สี และของผู้หญิง มี 2 สี ราคาประมาณ 5,790 บาท จากเดิม 6,790 บาท มีประมาณ 1,000 คู่ในไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น