“พาณิชย์” เผยประกาศกำหนดด่านนำเข้า “น้ำมันปาล์ม” รอลงราชกิจจานุเบกษา ก่อนบังคับใช้ภายใน 7 วัน มั่นใจช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าและนำผ่าน เหตุกำหนดให้นำเข้าได้ 3 ด่าน นำผ่านได้ 1 ด่าน
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้น้ำมันปาล์มและแฟรกชันของน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้าและนำผ่าน กำลังอยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเมื่อลงประกาศแล้ว จะมีผลบังคับใช้ภายใน 7 วัน หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ปรับวันมีผลบังคับใช้จากเดิมภายใน 30 วัน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะลักของน้ำมันปาล์มเข้ามาในประเทศจากการลักลอบนำเข้าและนำผ่านน้ำมันปาล์มโดยเร่งด่วน เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ราคาผลผลิตจากปาล์มน้ำมันภายในประเทศมีการปรับตัวสูงขึ้น อาจทำให้มีการลักลอบมากขึ้น จึงต้องเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มภายในประเทศ
โดยประกาศดังกล่าวได้กำหนดให้ “น้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม” สามารถนำเข้าได้ 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ หรือสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และนำผ่านขาเข้าได้ 1 ด่าน คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และนำผ่านขาออกได้ 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรจันทบุรี ด่านศุลกากรหนองคาย และด่านศุลกากรแม่สอด
“มาตรการดังกล่าวจะทำให้การนำเข้าและนำผ่านน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น และจะทำให้ปัญหาการลักลอบนำเข้าและนำผ่านน้ำมันปาล์มลดน้อยลงตามนโยบายเร่งด่วนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้มีมาตรการเข้ามาดูแลปัญหาการลักลอบนำเข้า” นายกีรติกล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มปริมาณ 19,420 ตัน โดยนำเข้าจากอินโดนีเซียมากเป็นอันดับหนึ่งปริมาณ 15,121 ตัน คิดเป็น 77.86% รองลงมาเป็นการนำเข้าจากมาเลเซีย ปริมาณ 4,299 ตัน คิดเป็น 22.14% สำหรับการนำผ่านน้ำมันปาล์มไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีปริมาณ 16,148 ตัน ซึ่งมีต้นทางมาจากมาเลเซียเพื่อนำผ่านไปยังเมียนมามากที่สุด ปริมาณ 15,111 ตัน รองลงมาลงเป็น สปป.ลาว ปริมาณ 913 ตัน และกัมพูชา ปริมาณ 124 ตัน ตามลำดับ