"กกร." ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 จากเดิมโต 2.5-3% เหลือ 2-2.5% หลายปัจจัยเสี่ยงทั้งใน-นอกรุมเร้า ทั้งไวรัสโคโรนา การเบิกจ่ายงบล่าช้า ภัยแล้งรุนแรง แต่ยังคงเป้าส่งออกที่ติดลบ 2-0% โดยต้องติดตามใกล้ชิด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่า กกร.ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ลงจากเดือน ม.ค.ที่ได้ประเมินว่าจีดีพีจะขยายตัว 2.5-3% เหลือ 2-2.5% แต่ยังคงกรอบประมาณการอัตราการเติบโตของการส่งออกและเงินเฟ้อไว้ตามเดิม คือ ส่งออกติดลบ 2% ถึง 0% อัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.8-1.5% ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาซึ่งจะเสี่ยงต่อทิศทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2563 ให้ชะลอตัวกว่าที่คาดไว้
"ไม่เพียงเศรษฐกิจจีนที่จะชะลอตัว แต่การแพร่เชื้อไวรัสโคโรนายังกระทบต่อการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องของไทย เพราะตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนด้านจำนวนและรายได้คิดเป็น 28% ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งหมด ซึ่งภายใต้สมมติฐานการระบาดของเชื้อโวรัสโคโรนาในกรอบ 3-6 เดือนรายได้ท่องเที่ยวคาดว่าจะหายไปราว 108,000-220,000 ล้านบาท ครอบคลุมธุรกิจในห่วงโซ่ทั้งโรงแรมและที่พัก ร้านอาหาร ค้าปลีก และขนส่ง ขณะที่ผลกระทบอาจทำให้การส่งออกลดลงด้วย ซึ่งยังคงต้องติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิดต่อไป" นายสุพันธุ์กล่าว
ปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ความล่าช้าของการมีผลบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุน และภัยแล้งที่รุนแรง ซึ่งเป็นแรงฉุดกำลังซื้อของครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มฐานราก รวมทั้งปัญหาค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน หรือ PM 2.5 ที่อาจมีผลต่อคุณภาพชีวิตและการทำกิจกรรมกลางแจ้งของประชาชน ภาพรวมเหล่านี้จะกระทบเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนส่งออกและเงินเฟ้อจะต้องติดตามการออกมาตรการของรัฐในการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบต่อไป
สำหรับข้อเสนอของ กกร.ต่อภาครัฐ ขอตั้งคณะกรรมการ กกร. ร่วมกับกรมบัญชีกลาง เพื่อปรับปรุงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างให้เหมาะสม และการจัดซื้อ Local Content รวมทั้งช่วยเหลือให้ SME ในการเข้าประมูลภาครัฐ ขอยกเว้นการจ่ายประกันสังคมของลูกจ้างและผู้ประกอบการ SME เป็นระยะเวลา 6 เดือน ขอให้คืน VAT ให้เร็วขึ้น ไม่เกิน 30 วัน ลดค่าไฟฟ้า 5% จากยอดเรียกเก็บให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้า เป็นระยะเวลา 6 เดือน ภาคเอกชนจะประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในประเทศ โดยสนับสนุนให้ร้านค้า โรงแรม และบริษัทในเครือข่ายจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย