ผู้จัดการรายวัน360 – “ซีพีเอ็น” อ้าแขนรับกลุ่มมิตซูบิซิ เอสเตท จากญี่ปุ่น เข้าลงทุน 1,000 ล้านบาท ถือหุ้น 30% ในเซ็นทรัลวิลเลจ เอาท์เล็ตมอลล์ ด้านมิตซูบิชิ ยันไม่ลงทุนที่อยู่อาศัยกับซีพีเอ็นแน่นอน เพราะเป็นพันธมิตรกับกลุ่มเอพีแล้ว
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ซีพีเอ็นได้เปิดรับพันธมิตรต่างประเทศคือ บริษัท มิตซูบชิ เอสเตท เอเชีย จำกัด จากญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนร่วมกันประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อร่วมถือหุ้นจำนวน 30% ในบริษัท เซ็นทรัล วิลเลจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักซ์ชัวรี่ เอาท์เล็ต ขณะที่ทางซีพีเอ็น จะลดการถือหุ้นลงเหลือ 70%
“การร่วมลงทุนใน ’บริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ’ ในครั้งนี้ ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยกว่า 1,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทยที่สามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาวให้กับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย และยังเป็นการสนับสนุนประเทศไทยให้กลายเป็น ‘ประเทศแห่งการช้อปปิ้งและท่องเที่ยวระดับโลก’ เชื่อว่าการผนึกกำลังของสองอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ ไทย-ญี่ปุ่น ในครั้งนี้ จะทำให้เกิดความร่วมมือสู่ความสำเร็จ ‘Two Nations, One Success’ และส่งผลให้ โครงการ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตแห่งแรกของประเทศ’ เป็นเบอร์หนึ่งแห่งลักชูรี่เอาท์เล็ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างแท้จริง” นายปรีชา กล่าว
เซ็นทรัลวิลเลจ มีมูลค่าการลงทุน 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ พื้นที่บริการประมาณ 40,000 ตารางเมตร เปิดบริการแล้วในเฟส1 พื้นที่ประมาณ 70 ไร่ จากทั้งหมด 100 ไร่ มีร้านค้ารวมประมาณ 150 ร้านค้าทั้งไทยแบรนด์และอินเตอร์แบรนด์ และยังมีอีกประมาณ 60 แบรนด์ที่เป็นเป็นเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะกับ เซ็นทรัลวิลเลจเท่านั้น ร้านค้าเปิดบริการนเกือบ100% แล้ว และมีปริมาณลูกค้าเข้าประมาณ 17,000 คนต่อวัน สัดส่วนเป็น คนไทย 65% และต่างชาติ 35% มีการใช้จ่ายประมาณ 12,000 บาทต่อคน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะขยายเฟส2และเฟส3ต่อเนื่อง เพื่อรับกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งมีที่เหลืออีก 30 กว่าไร่ เป๋นแปลงเดียวกัน คาดว่าหากลงทุนเพิ่มอาจจะเพิ่มพื้นที่ได้อีกประมาณ 30% และร้านค้าอีกกว่า 30 ร้านค้า
นายยูทาโร โยซุซูกะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในเซ็นทรัล วิลเลจ ถือเป็นการลงทุนในธุรกิจเอาท์เล็ตมอลล์นอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของบริษัท และจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเรา และในระดับโลกด้วย อย่างไรก็ตามในไทยนี้บริษัทฯจะไม่ลงทุนในธุรกิจที่อยู่อาศัยกับซีพีเอ็น เนื่องจากบริษัทฯมีการร่วมทุนกับทางกลุ่มเอพีอยู่แล้วในไทยเพื่อทำธุรกิจที่พักอาศัย
สาเหตุหลัก 3 ประการที่ลงทุนในเซ็นทรัลวิลเลจ คือ 1.ศักยภาพประเทศไทยที่แข็งแกร่ง ตลาดท่องเที่ยวของไทยเป็นผู้นำในอาเซียน คาดว่าการท่องเที่ยวของไทยจะเติบโต 4% 2.มีความเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญของซีพีเอ็น ที่เป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย 3.ความสำเร็จของเซ็นทรัลวิลเลจ มีที่ตั้งใกล้สนามบินสุวรรณภูมิที่มีนักเดินทางมากที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และเซ็นทรัลวิลเลจเป็นโมเดลใหม่ของวงการค้าปลีกของไทย
“มิตซูบิชิ เอสเตท สามารถเข้ามาสนับสนุนซีพีเอ็นได้ ทั้งเรื่องของการออกแบบ ด้านโอเปอเรชั่น การให้คำปรึกษาต่างๆ เพราะเราก็มีประสบการณ์ทำเอาท์เล็ตมอลล์มาแล้วในญี่ปุ่นรวมทั้งหมด 9 แล้ว ที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงมากก็คือ ที่โกเทมบะที่ร่วมทุนกับทางกลุ่มไซอนจากอเมริกา มีปริมาณลูกค้าเข้าโกเทมบะ ประมาณ 10 ล้านคนต่อปี” นายยูทาโร กล่าว