การตลาด - เผยสาเหตุ "แกรมมี่" ดีล "โมโน" งานนี้ไม่ได้เป็นเพียงการฝ่าศึกทีวีดิจิทัล แต่ก้าวข้ามขึ้นไปอีกขั้นสู่การเป็นผู้ดิสรัปชันเสียเอง กลยุทธ์ "รวมกันเรารอด" จึงถูกจุดขึ้น เพื่อรับมือกับสตรีมมิ่งที่จะเข้ามาแทนที่ทีวีดิจิทัลในอนาคต
ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาวงการทีวีดิจิทัลสั่นสะเทือนอีกครั้ง กับการที่แกรมมี่จับมือกับโมโนในการพัฒนาคอนเทนต์ร่วมกัน เพราะต่างรู้กันดีว่าแกรมมี่เองก็มีทีวีดิจิทัล 2 ช่อง โมโนเองก็มี 1 ช่อง แต่หากมองลึกลงไปแล้ว ดีลในครั้งนี้ไม่ใช่ในนามของช่องทีวีดิจิทัลจากทั้งสองฝ่ายที่มาบรรจบจับมือกัน แต่มันคือต้นขั้วในรูปแบบของผู้ผลิตคอนเทนต์กับเจ้าของแพลตฟอร์มการรับชมมาเจรจาตกลงร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ กับทีวีดิจิทัลในปัจจุบัน
แต่สิ่งที่แปลกคือ ดีลครั้งนี้จะทำให้แกรมมี่และโมโนหลอมรวมกันในอนาคต สู่การเป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดในวงการธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ กับคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้งนักร้อง ศิลปิน เพลง ละคร/ซีรีส์ รวมถึงช่องทางรับชม ทั้งฟรีทีวี ออนไลน์ และสตรีมมิ่งที่กำลังมีไว้ในมือ ดีลในครั้งนี้แกรมมี่ได้เปรียบที่ไม่ต้องลงทุนเรื่องทางการเข้าถึงช่องทางรับชมใหม่ๆ โมโนเองก็ไม่ต้องลงทุนด้านคอนเทนต์ เป็นการจับมือในรูปแบบวิน-วิน ที่จะกลายเป็นโมเดลกรณีศึกษาให้กับธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ในเมืองไทยต่อไป จากที่ต่างคนต่างทำ สู่การจับมือกันเพื่ออยู่รอด
**แกรมมี่มองข้ามช็อต สู่อนาคต**
ยุครุ่งเรืองของแกรมมี่จะกลับมาอีกครั้งบนโลกเทคโนโลยี เพราะ ณ วันนี้โลกสอนให้รู้ว่า "รวมกันเรารอด" แกรมมี่จะรอดก็เพราะการเปิดใจ เปิดประตูบ้านหาพันธมิตร สู่การเจาะแนวคิดระลอกสองกับการดิสรัปชันของโลกสตรีมมิ่งที่จะเข้ามาแทนที่อีกครั้ง หลังอินเทอร์เน็ตเข้ามาทำร้ายธุรกิจเพลงในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลยุทธ์ สายงานธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันนี้แกรมมี่มองตัวเองเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ ในการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ให้แก่ทุกคนที่สนใจ ไม่ได้มองเป็นคู่แข่งอย่างที่ผ่านมา ที่สำคัญคือ การนำพาต้นทุนคอนเทนต์ทั้งหมดที่แกรมมี่มีอยู่ ทั้งในรูปแบบเพลง มิวสิกวิดีโอ ศิลปิน นักร้อง ทั้งหมดไปสู่วันข้างหน้า อันนำมาซึ่งการเติบโตของบริษัทต่อไป
ดังนั้น แผนการร่วมมือกับทางโมโนในครั้งนี้จึงใช้เวลาเพียง 3 เดือน ดึงเอาความถนัดของทั้งสองบริษัทมาผสมผสานกัน ภายใต้แผนกลยุทธ์คอนเทนต์ที่วางไว้ 3 ปี ต่อจากนี้จะมุ่งสร้าง 10 Artists, 10 Digital Albums, 12 Concerts, 30 Road tour Events, 20,000 Karaoke Songs และ 20 Original Content รวมแล้วใช้งบไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบด้วย 1. ร่วมสร้างศิลปินกลุ่มใหม่ ภายใต้รหัสลับ “Girl Universe” ตั้งเป้าปีแรกที่จะผลิต 2 กลุ่ม จำนวน 4 อัลบั้ม (20 ซิงเกิล) 2. Original Content จะเป็นการผลิตซีรีส์ร่วมกัน 6-8 เรื่องต่อปี เป็นซีรีส์แนว Action, Drama, Horror และ Romantic comedy โดยใช้นักแสดงหลักจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับนักแสดงจากโมโน คาดหวังการเติบโตและความหลากหลายให้กับ MONO29 และ MONOMAX
3. ซีรีส์บางส่วนและคาราโอเกะนั้น โมโนจะนำเข้ามาเสริมทัพคอนเทนต์ให้กับแพลตฟอร์ม 3BB TV ที่จะเปิดให้บริการไตรมาสสองปีหน้า เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ตั้งเป้าผู้ใช้งานบริการนี้ 1.5 ล้านรายในหนึ่งปี 4. ร่วมมือในการตลาดร่วมกัน ด้วยสื่อ ฐานลูกค้า และแฟนคลับทางโซเชียลเน็ตเวิร์กของทั้งสองฝ่าย และ 5. วิเคราะห์การขายโฆษณาทางทีวีดิจิทัลร่วมกัน เพื่อให้เกิดการกำหนดมาตรฐานราคาที่เหมาะสมกับเรตติ้ง และส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อทีวีของไทย
"หากมีคอนเทนต์ดีแต่ไม่ทำการตลาดก็ประสบความสำเร็จได้ยาก การที่เรามาจับมือกับกลุ่มโมโนในครั้งนี้ จะเป็นการจับมือเพื่อผลิตคอนเทนต์ที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดเพื่อนำเสนอคอนเทนต์ของแกรมมี่ให้เข้าถึงผู้ชมครอบคลุมทุกช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางที่แกรมมี่ยังไม่มี อย่างสตรีมมิ่ง, ทีวีบรอดแบนด์ และ IPTV เป็นต้น จากปัจจุบันคอนเทนต์ของแกรมมี่สามารถเข้าถึงผู้ชมเกือบทั่วประเทศ กับช่องทางออนไลน์อย่าง ยูทูป, อินตราแกรม และเฟซบุ๊ก" นายฟ้าใหม่กล่าว
**โมโนมองขาด ตั้งรับดิสรัปชันจากทุกทิศ**
ในส่วนของโมโน วันนี้กลุ่มโมโนกำลังเข้ายึดพื้นที่โลกแห่งการรับชมในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น 1. ฟรีทีวี กับช่องโมโน 29 2. ออนไลน์ กับช่องโมโนแมกซ์ และ 3. IPTV กับแพลตฟอร์ม 3BB TV ซึ่งทั้ง 3 ช่องทางนี้โมโนจะต้องมีคอนเทนต์อย่างมหาศาลเพื่อตอบโจทย์ และเข้าถึงกลุ่มผู้ชมให้ครอบคลุม จากปัจจุบันโมโนมีคอนเทนต์หลักเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศ แต่เมื่อคิดการใหญ่ขึ้นมา บวกกับลงทุนในเรื่องของต้นน้ำ คือ ช่องทางการรับชมแล้ว ในส่วนของคอนเทนต์ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทางโมโนจะลงทุน แต่เป็นการลงทุนที่ไม่ได้ลงมือทำเอง แต่ก็ต้องลงทุนทำอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
ดังนั้น ความร่วมมือกับแกรมมี่ครั้งนี้จะทำให้โมโนเป็นผู้นำด้านธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูลและธุรกิจบริการด้านความบันเทิงแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมการนำเสนอเนื้อหาทุกประเภท ซึ่งมีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เองถือเป็นผู้นำด้านสื่อและคอนเทนต์ที่แข็งแรงและแข็งแกร่งที่สุดของเมืองไทย ทั้งเพลง ศิลปิน ซีรีส์ ที่ครองใจวัยรุ่นและทุกเพศทุกวัยมาตลอดระยะเวลายาวนานหลายสิบปี รวมทั้งเครือข่ายบน Social ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มอย่างชัดเจน เพื่อจับมือเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์และสื่อบันเทิงอันดับ 1 ของเมืองไทย มีการวางแผนทั้งด้านการผลิตคอนเทนต์, ด้านกลยุทธ์ทางการตลาด และการขยายช่องทางการเข้าถึงคอนเทนต์
นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ทางโมโนเลือกวางแผนและลุกขึ้นมาเป็นผู้ดิสรัปชันกับอนาคตที่จะเข้ามา กับในเรื่องของช่องทางการรับชม และพฤติกรรมผู้ชมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งทีวีดิจิทัลในวันข้างหน้าจะเจอกับคู่แข่งรอบด้าน มากกว่าปัจจุบันที่นอกจากต้องสู้กับตัวเองและช่องอื่นๆ อยู่แล้ว
ดังนั้น แผนการตั้งรับของโมโนในวันนี้ คือ การสร้างแพลตฟอร์มรับชมในทุกช่องทาง และการเปิดกว้างหาพันธมิตรด้านคอนเทนต์ให้มากขึ้น โดนเฉพาะโลคัลคอนเทนต์ เพราะในส่วนของคอนเทนต์ต่างประเทศ โมโนถือเป็นตัวเลือกหลักที่ทุกค่ายหนังพุ่งชนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ยังหวั่นใจ จากการที่หลายๆ ค่ายหนังดัง หันมาทำช่องของตัวเองในรูปแบบสตรีมมิ่งและออนไลน์ ซึ่งอนาคตมีผลต่อโมโนแน่นอน
"ผลจากค่ายหนังดังที่หันมาทำช่องสตรีมมิ่งของตัวเอง อนาคตมีผลต่อช่องโมโน 29 แน่นอน ดังนั้นวันนี้ทางโมโนจึงต้องมีแผนรองรับ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับเพิ่มค่ายหนังใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น หรือการสร้างแพลตฟอร์ม 3BB TV ขึ้นมา ขณะที่ราคาคอนเทนต์หนังและซีรีส์ในวันนี้มีทั้งราคาสูงและถูกลงบ้างตามความต้องการของเจ้าของคอนเทนต์ แต่มั่นใจได้ว่าช่องโมโน 29 จะเป็นตัวเลือกแรกที่ค่ายหนังพร้อมจะเข้าหา เพราะสำหรับประเทศไทยฟรีทีวีสำคัญกว่าสตรีมมิ่ง จากพฤติกรรมคนไทย สตรีมมิ่งอาจจะยังเกิดยาก การสร้างแบรนด์ สร้างแฟนหนัง ย่อมต้องเลือกฟรีทีวีก่อน"
ทั้งนี้ ในส่วนของแพลตฟอร์ม 3BB TV นั้น จะเปิดให้บริการไตรมาสสอง ปี 2563 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ตั้งเป้าผู้ใช้งานบริการนี้ 1.5 ล้านรายในหนึ่งปี ส่วนคอนเทนต์ที่จะอยู่บนแพลตฟอร์ม 3BB TV ได้แก่ 1. ช่องโมโน 29 2. ช่องต่างประเทศ 3. พรีเมียมซีรีส์ 4. ซีรีส์ไทย 5. ละครรีรัน 6. เพลง 7. คาราโอเกะ เป็นต้น
นายปฐมพงศ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของช่องโมโน 29 วันนี้พูดได้ว่าเป็นช่องเบอร์ 3 ที่ยืนอยู่ในอันดับนี้มาตลอด 2 ปี โดยคอนเทนต์หนัง ซีรีส์ที่มีอยู่ถือว่าแข็งแกร่งและเข้าถึงคนต่างจังหวัดมากขึ้น แต่หลังจากนี้จากความร่วมมือกับทางแกรมมี่จะทำให้ช่องโมโน 29 มีความแข็งแกร่ง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่น/คนรุ่นใหม่ ภายใต้งบซื้อคอนเทนต์ที่ 1,200-1,800 ล้านบาทต่อปี และกว่า 10% ใช้ในส่วนของโลคัลคอนเทนต์
เบื้องต้นจะเพิ่มโลคัลคอนเทนต์มากขึ้น กับซีรีส์ละครไทยที่ตรงกับคาแรกเตอร์ของช่องโมโน 29 จากเดิมมีเพียง 2% เมื่อเทียบกับคอนเทนต์ทั้งหมด หรือมี 4-6 เรื่องต่อปีและไม่มีรีรัน โดยจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 5-8% ในปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งความร่วมมือกับแกรมมี่ ส่วนหนึ่งจะเข้ามาเติมเต็มในจุดนี้ รวมถึงทำการตลาดร่วมกัน มั่นใจว่าช่วงซีรีส์ไทยหลังจากนี้จะมีเรตติ้งที่ดีขึ้น จากพันธมิตรอย่างแกรมมี่ และที่บริษัทจ้างผลิตอยู่กว่า 10 รายด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ช่องโมโน 29 จะมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นถึง 200% ถือเป็นการปรับราคาขึ้นในรอบ 2 ปี ส่วนสำคัญในการปรับราคาครั้งนี้เพื่อให้ตรงกับสถานการณ์จริงของตลาด จากเดิมที่วางราคาต่ำกว่าความเป็นจริง การปรับราคาครั้งนี้จึงเป็นการปรับเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน รวมถึงสอดคล้องกับฐานผู้ชมและเรตติ้งจริงที่เกิดขึ้น กล่าวได้ว่า ในช่วงไพรม์ไทม์ ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. ทางช่องโมโนจะขายโฆษณาเทียบเท่าหรือในเรตใกล้เคียงกันกับช่องหลักอย่างช่อง 3 และช่อง 7 ที่ขายโฆษณาอยู่ในระดับหลักแสนบาทขึ้นไป กับสล็อตละครหลังข่าวค่ำ
จากแผนที่กล่าวมา ภาพของโมโนใน 3-5 ปีหลังจากนี้จะเป็นมากกว่าผู้เล่นในศึกทีวีดิจิทัล แต่เป็นผู้กรำศึกในด้านธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูลและธุรกิจบริการด้านความบันเทิงแบบครบวงจร ส่งผลให้รายได้หลักจากเดิมมีเพียงช่องโมโน 29 ใน 3 ปีจากนี้จะมาจาก 5 ส่วนสำคัญ คือ 1. ทีวี กับช่องโมโน 29 2. ออนไลน์ กับช่องโมโนแมกซ์ 3. การแบ่งรายได้กับ 3BB TV 4. สปอนเซอร์ชิป และ 5. อื่นๆ รวมกัน