"โมโน-แกรมมี่" จัดงานแถลงข่าวผนึกกำลังในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ พัฒนาคอนเทนต์ เอาจุดแข็งสองบริษัทมารวมกัน ลั่นเปิดช่องทางขายเอาใจเอเจนซี่ ปีหน้าแกรมมี่ปั้นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป 3 ปี สร้างละคร - ซีรีส์ ไม่ต่ำกว่า 20 เรื่อง รับดีลแค่ 3 เดือนลงตัว มั่นใจโปรดักชั่นแข็งแรง โตได้อีก ดิจิทัลทีวีต้องรอด
ไม่ใช่แค่ช้างแต่นี่มันคือยักษ์ชนยักษ์ สำหรับการผนึกกำลังกันระหว่าง "โมโน กรุ๊ป" กับ "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" ในฐานะพันธมิตรร่วมมือกันทางธุรกิจ โดยในวันนี้ (1 พ.ย.) ได้มีการจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในงาน “Mono Group , GMM Grammy และ GMM Studios” ภายใต้ชื่อ "Super Giant Alliance" ณ สเตท 1 โมโนสตูดิโอ สนามจีเอสบีสเตเดียม 29 ถ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี
งานนี้ "คุณปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์" ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และ "คุณฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลยุทธ์ สายธุรกิจจีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ทำพิธีลงนาม MOU ต่อหน้าทีมผู้บริหารทั้งสองบริษัท นำโดย คุณอมฤต ศุขะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด, คุณวีรยุทธ โพธารามิก ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารความสัมพันธ์กลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), คุณภูวพิตร ศุภมิตร์โชติมา ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มธุรกิจบริหารศิลปินและสื่อวิทยุ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), คุณเอกชัย เอื้อครองธรรม Executive Producer (GMM Studios), คุณพีธ พีระ พีราวัชร์ อัศววชิรวิท Executive Producer และ Manager ค่าย Mono Music ซึ่งหลังพิธีลงนามและการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ผู้บริหารก็ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชน
คุณปฐมพงศ์ : “ก็เกิดขึ้นจากการที่เราอยู่ในธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน ทำทั้งช่องทีวี ทำทั้งสายบันเทิง การคุยกันในงานสัมมนาต่างๆ ที่พบเจอกัน ก็เวลาเราทักทายกันด้วยเรื่องอุตสาหกรรมเป็นยังไง ปัญหาที่เกิดขึ้น เราอยากทำให้อุตสาหกรรมมันใหญ่ขึ้นกันอย่างไร เราก็เลยเจอประเด็นที่ว่าทั้งโมโนและแกรมมี่ ถึงแม้จะคล้ายๆ กัน แต่ยังมีโอกาสโตได้อีก เพราะเราไม่ได้ทำในสิ่งเดียวกันเต็มๆ เราทำในสิ่งที่เป็นแอ็กชั่น แกรมมี่ทำให้สิ่งที่เป็นดรามา ในสิ่งที่เป็นวัยรุ่นเก่ง"
"ทีนี้มันก็สบโอกาสตรงที่ว่าโมโนเราขยายเรื่องของแพลตฟอร์มด้วย นอกจากทีวีแล้ว จะทำเป็นออนไลน์ แล้วก็ทำเข้าไปในอินเตอร์แอ็กทีฟทีวีชื่อ 3BB TV เพราะฉะนั้นคอนเทนต์ที่จะได้มา ที่โมโนมีจากต่างประเทศอยู่ ก็มองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะเติมโลโก้คอนเทนต์เข้ามาอีก คอนเทนต์ไทยๆ ทั้งบันเทิง ทั้งศิลปิน ทั้งเพลง ทั้งละครก็ดี อันดับแรกๆ ของเมืองไทย ก็ต้องนึกถึงแกรมมี่ครับ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้คุยกัน ที่ว่าเราจะมาช่วยกันผลิต แกรมมี่จะผลิตทั้งส่วนของปั้นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป รวมทั้งผลิตซีรีส์บางส่วน ให้กับแนวที่เหมาะกับทางโมโน แล้วส่วนอื่นที่เป็นเรื่องของเพลง ก็จะเข้าไปยังเรื่องของ MONOMAX ครับ”
รู้จักมานาน แต่ 3 เดือนดีลกันลงตัว
คุณปฐมพงศ์ : "จริงๆ รู้จักกันมานานแล้ว แต่ว่าโปรเจกต์ที่เราเพิ่งคุยกัน พอดีว่าเรามีประเด็นบางอย่าง ที่เราคุยกันในงานสัมมนาแล้วก็ต่อเนื่องกันมา คุยกันช่วงประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาเองครับ แล้วก็เป็นช่วงที่ปรากฎว่า โมโนมีแผนประมาณหนึ่ง แล้วแกรมมี่ก็มีแผนประมาณหนึ่งในสิ่งที่ผมบอกไป แล้วพอมาจอยกัน ต่างคนต่างมีแผนที่มาจอยกันลงตัวพอดีใน 3 เดือน อันนี้เป็นเรื่องมหัศจรรย์เหมือนกัน ถูกที่ถูกจังหวะครับ"
เริ่มต้นด้วยเพลงในปีหน้า 10 ศิลปิน 10 อัลบั้ม
คุณปฐมพงศ์ : “ก็เรามีโปรเจกต์ที่จะทำร่วมกันหลายอย่างครับ ถ้าเกิดพูดถึงปีหน้าเลย เราคงมีเรื่องของเพลงครับ แล้วก็คงมีเรื่องของออริจินอลคอนเทนต์ ในด้านของเพลง เราคงทำในเรื่องของศิลปินใหม่ เราคุยกัน 3 ปี 5 ปี คงมีเป้าหมายที่จะทำถึง 10 ศิลปินครับ รวมถึง 10 อัลบั้ม ก็เป็นปริมาณที่เยอะพอสมควร เพราะเราก็คิดการณ์ใหญ่ร่วมกัน นอกเหนือจากศิลปินและอัลบั้มเพลง เราก็คิดไปถึงด้านคอนเสิร์ต แล้วก็คาราโอเกะ ทางด้านคอนเสิร์ต เราก็มีคุยกันว่าคอนเสิร์ตของแกรมมี่ที่เราจัด หลายๆ คอนเสิร์ตก็ขายหมด คนก็เข้าไม่ถึง"
"ประจวบเหมาะกับทางโมโนก็มีแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นมากมาย เราก็ถือโอกาสดี ว่าคอนเสิร์ตที่ขายหมดไปแล้ว แล้วเราสามารถเอาไปถ่ายทอดสู่คนทางบ้านได้เห็น มันก็สามารถขยายวงกว้างได้มากขึ้น ก็มีคอนเสิร์ตที่เราคุยร่วมกัน ได้หลายคอนเสิร์ตพอสมควร ทางด้านคาราโอเกะเองก็ดี เรามองว่าคาราโอเกะในประเทศไทย ยังไม่ได้พัฒนาไปถึง Home use การที่ทาง 3BB มี 3BB TV การที่ทางโมโนมีช่องทางต่างๆ มากมาย ก็เป็นพื้นที่สำคัญ ที่สามารถทำคาราโอเกะ นำพาคาราโอเกะให้ถึงบ้านผู้ชม ผู้ร้อง ผู้ฟังได้ อันนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง"
"สุดท้ายเรามีเรื่องของออริจินอลคอนเทนต์ เพราะว่าเรามีหลายอย่างที่เหมือนกัน ทางด้านโมโนเองก็เป็นบริการสื่อ ที่ครอบคลุมทุกช่องทาง ทางแกรมมี่เองก็มีสื่อต่างๆ ของเรามากมาย เราก็มีความแข็งแรงทางด้านโปรดักชั่น แล้วเราเองทั้งสองฝ่าย ก็มีทั้งศิลปินดารา แล้วก็ทาเลนต์ต่างๆ ที่สามารถร่วมมือจับมือกันทำงานได้ ทางด้านออริจินอลเราก็มีคุยกันอยู่เยอะ 3 ปีก็น่าจะมีไม่ต่ำกว่าสัก 20 เรื่อง ที่จะทำเป็นละคร เป็นซีรีส์ในรูปแบบต่างๆ ทางด้านแอ็กชั่นก็ดี เฮอร์เรอร์ก็ดี หรือว่าจะเป็นพวกโรแมนติกคอมเมดี้ ก็มีหลายรูปแบบที่เราอยากจะสร้างความหลากหลายให้กับผู้ชม การจับมือกันครั้งนี้ อย่างน้อย 3 ปีครับ"
คุณฟ้าใหม่ : "เริ่มต้นคือ 3 ปีครับ เพราะว่าไกลกว่านั้น เทคโนโลยีอาจจะเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นมา ก็เดี๋ยวคุยกันเพิ่ม"
คุณอมฤต : "เราก็จะดูในเรื่องของซีรีส์ ในลักษณะที่เป็นของโมโน ก็คือเป็นแอ็กชั่น ทางแกรมมี่ไม่ค่อยได้ทำแบบนี้ เพราะฉะนั้นในแง่ของทั้งผู้กำกับทั้งโปรดิวเซอร์เรา ก็รู้สึกค่อนข้างจะตื่นเต้น ที่จะมีชาเลนจ์นี้ ที่จะมีโอกาสได้ทำหนังสไตล์แอ็กชั่น ดึงจุดขายของแต่ละฝ่ายมาผนึกกำลังกันครับ"
เริ่มงานตอนนี้ แต่จะเห็นผลในปีหน้า เริ่มที่งานเพลงก่อนเป็นอันดับแรก
คุณปฐมพงศ์ : "เริ่มงานเลยครับ(หัวเราะ) แต่น่าจะเห็นผลปีหน้า ปีหน้าโดยความตั้งใจคือ ครึ่งปีแรกจะเห็นผลเรื่องเพลงก่อน เราคงเริ่มต้นทำเรื่องเพลงเลยนะครับ ส่วนเรื่องออริจินอลคอนเทนต์คงเทคไทม์นิดหน่อย เพราะเรามีโปรดักชั่นลีดไทม์ที่ยาวพอสมควร แล้วเราอยากให้คุณภาพมันดี เพราะฉะนั้นหลังจากครึ่งปีหลังเป็นต้นไป เราก็คงเห็นเรื่องของออริจินอลคอนเทนต์มากขึ้น"
เผยต้องปรับละครให้ถูกจริตโมโน จับมือกันเพื่อเอาข้อดีและจุดแข็งของสองฝ่ายมารวมกัน
ุคุณฟ้าใหม่ : "จริงๆ ก็หลายอย่างครับ จริงๆ เราอยากร่วมมือกันทำในหลายๆ เรื่อง จะเรียกว่าปรับเปลี่ยนก็ได้ หรือว่าการพัฒนาซึ่งกันและก็ได้ เพราะเราก็เรียนรู้จากสิ่งที่ทางโมโนมีอยู่ด้วย เราก็คงต้องดูว่าผู้ชมเป็นใคร แล้วก็ฐานยูนิเวิร์สของโมโนครอบคลุมไปถึงตรงไหนบ้าง วิธีการรับชมเป็นแบบไหนบ้าง แล้วก็ต้องเอาความต้องการของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง แล้วเราก็กลับมาดูว่าศิลปินดาราของทางโมโนและแกรมมี่ สามารถจะทำแบบไหนให้เกิดคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด"
"เป็นการที่จับมือร่วมกันเพื่อเอาข้อดีและจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมารวมกัน เป็นการพัฒนาซึ่งกันและกัน แล้วก็มีจุดแข็งทางด้านของทีมผลิตอยู่แล้ว แล้วเราก็มีชาเลนจ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ วิธีการคิดหรือการสร้างครีเอทีฟคอนเทนต์ในรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกันได้อีกเยอะครับ"
เปิดโอกาสให้คนผลิตมากขึ้น เพื่อชาเลนจ์ที่หลากหลาย
คุณปฐมพงศ์ : "ตอนแรกก็คงจะเป็นเรื่องการที่เรามีแพลตฟอร์มที่ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น มันเท่ากับเปิดโอกาสให้มีคนผลิตมากขึ้น ทั้งเรื่องของเพลง แล้วก็เรื่องของการผลิตละครซีรีส์ต่างๆ ด้วย ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องลงช่อง MONO29 ช่องเดียว จากแพลตฟอร์มอื่น MONOMAX ก็ดี หรือ 3BB ก็ดีครับ มันทำให้น่าจะมีชาเลนจ์ที่หลากหลาย"
"พูดตามตรงในประเทศไทย บางครั้งเราพูดถึงว่าละครเราขาดคนเขียนสคริปต์บทดีๆ อีก แล้วเราก็ต้องการปั้นตรงนี้อีก ทีนี้ถ้าเกิดว่างานมีอยู่จำกัด เมื่อไหร่เราจะเจอคนชุดใหม่ที่เขาพัฒนาขึ้นมาสักที อันนี้น่าจะเป็นการเปิดงานให้คนรุ่นใหม่ๆ ด้วย ในทางต่อมาคือเรื่องของการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ ให้เน็ตเข้าถึงตามที่ 3BB เขาว่า ถ้ามันไม่มีคอนเทนต์ที่โดน แล้วคนอยากจะใช้งานตรงนั้น เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับเทคโนโลยีที่จะเข้าถึงอินเตอร์เน็ตบ้านมากขึ้น"
"ส่วนท้ายก็คงจะเป็นเรื่องของการช่วยกัน ในการคุยวิเคราะห์การขายต่างๆ ผมคิดว่าตรงนี้ค่อนข้างเปิดไม่ใช่แค่ช่อง MONO29 หรือช่องของทางแกรมมี่อย่างเดียว จริงๆ ช่องทีวีช่องอื่นอาจจะมีความร่วมมือ ในเรื่องของการวิเคราะห์การขายอีก เพราะว่าทุกๆ ช่อง เราอยากให้อุตสาหกรรมดิจิทัลทีวีมันเติบโต แล้วการวิเคราะห์ที่ว่าไพรม์ไทม์ควรจะเป็นสินค้าแบบไหน ราคาเท่าไหร่ รวมทั้งการเสริมไพรม์ไทม์กับลูกเล่นอะไร ที่ทำให้สุดท้ายแล้วสินค้าชอบ เอเจนซี่ชอบ เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่ามันเป็นการเปิดโอกาสให้ดิจิทัลทีวีได้ส่งเสริมเรื่องของการขาย การเอาใจเอเจนซี่ เอาใจลูกค้าด้วย ตอนนี้มันเหมือนกับแน่นอน มันเป็นดิจิทัลทีวีที่อยู่รอด แต่การอยู่รอดร่วมกัน คิดว่าอยู่ด้วยกันทั้งวงการต่อสิ อยากให้มันเป็นอย่างนั้น"
คาดหวังว่าต้องเติบโต เพิ่มรายได้
คุณปฐมพงศ์ : "เรื่องของการเติบโต เราคาดการณ์การเติบโตอยู่แล้วครับ ว่าเราอยากจะไปต่อแน่นอน แต่ตอนนี้ก็คือมันก็เป็นสามเรื่องนะ เรตติ้งโต แฟนคลับชอบ รวมถึงรายได้เพิ่ม จริงๆ สามอันนี้ อะไรโตก่อนก็ดีทั้งนั้น (หัวเราะ) หรือว่าโตพร้อมกันหมดก็ดีนะครับ ได้เงินก่อนเรตติ้งก็ดี เพราะฉะนั้นเราคาดการณ์ทั้งสามอย่าง อะไรโตช้าโตเร็ว ก็อยู่ในแผนการ อาจจะมีบางอย่างที่ฮิตเร็ว ฮิตช้าหน่อย ซึ่งอย่างที่บอก การร่วมมือกับทางแกรมมี่ ก็หวังว่าบางส่วนที่มันจะถูกตัดตอนให้โตเร็วขึ้นทั้งคู่ด้วย"