xs
xsm
sm
md
lg

“คาร์นิวัลเมจิก” 5 พันล้าน ความท้าทายใหม่ของ “คิ้วคชา” ผลักดันสู่รีจินัลธีมปาร์ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การตลาด - จับตา คาร์นิวัล เมจิก 5,000 ล้านบาท ที่ภูเก็ต ของ “ผิน คิ้วคชา” จะสร้างให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับรีจินัลของเอเชีย เทียบชั้นดิสนียแลนด์ และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอได้หรือไม่ ท่ามกลางตลาดท่องเที่ยวภูเก็ตที่ยังไม่กระเตื้องเท่าใดนัก

การลงทุนครั้งใหญ่อีกครั้งด้วยงบประมาณไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทของ "ผิน คิ้วคชา" เพื่อสร้างโครงการ "คาร์นิวัล เมจิก" ที่ภูเก็ต ถือเป็นการท้าทายอีกคำรบหนึ่งของเจ้าพ่อ ซาฟารี เวิลด์ ที่กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต แฟนตาซี ที่ภูเก็ต ของไทยที่ลือลั่นมาแล้วในอดีต ของ ผิน ที่เจ้าตัวบอกว่าเขาเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยเงิน 10 บาท เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งของไทยเองและของโลก รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ในยามนี้ล้วนแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับในอดีตที่ผ่านมาอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

*** ท่องเที่ยวภูเก็ตซบ ความท้าทายบทหนัก
ขณะที่ ตลาดภูเก็ต ในวันนี้ ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูเก็ตตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก นักท่องเที่ยวโดยรวมที่มาภูเก็ตลดลง แม้แต่โรงแรมทั่วไปในภูเก็ตก็มีอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวช่วงกลางปีลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดใหญ่ของภูเก็ตก็หายไปจำนวนมากด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่มีเหตุการณ์ในทางลบกับทัวร์คนจีนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2561 ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 47 ราย ที่เป็นเหตุใหญ่สำคัญเหตุหนึ่ง ก่อนปิดท้ายเดือน ก.ย. 2561 ยังมีเหตุการณ์ที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวชาวจีนที่สนามบินดอนเมือง ที่เป็นปัญหาเกิดใหม่ ผนวกกับปัญหาเรื้อรังมานานอย่างทัวร์ศูนย์เหรียญที่แก้เท่าไรก็ไม่เคยหมดสิ้น

ปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูเก็ตที่มีรายได้จากท่องเที่ยวลดลง นักท่องเที่ยวลดลง รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง ภูเก็ตแฟนตาซี ด้วยเช่นกัน อย่างเลี่ยงไม่ได้

จากรายงานข่าวของศูนย์ข่าวภูเก็ตของผู้จัดการรายวัน360 ก็รายงานด้วยว่า นายก้องศักดิ์ ภู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวให้เหตุผลที่การท่องเที่ยวภูเก็ตตกลงและซบเซาในช่วงนี้ว่า มาจากหลายปัจจัยลบ เช่น เรื่องของเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ทำให้ทุกๆ ตลาดที่เป็นตลาดทดแทนและตลาดหลักของไทยล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีถ้วนหน้า ส่งผลกระทบต่อยอดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวลดน้อยลง ทั้งตลาดยุโรปที่เดิมทีเศรษฐกิจก็ซบเซามาก่อนหน้านี้นานแล้ว ส่วนเอเชียเองก็ยังอยู่ในภาวะทรงตัว ตลอดจนสงครามทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศใหญ่ คือ อเมริกากับจีน ทำให้ทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยวหยุดการเคลื่อนไหว

*** “ภูเก็ตแฟนตาซี” ปรับตัวสู้ดึงตลาด
แต่หากมองในมุมกลับของ แฟนตาซี ภูเก็ต ของบริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด ก็เผชิญกับปัญหาการถดถอยของจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งลูกค้าคนไทยและลูกค้าต่างประเทศทั่วไปรวมกันแล้ว ตกลงไปกว่า 30% เท่ากับภาพรวมท่องเที่ยวทั้งจังหวัด


แต่ ผิน ยังคงมุ่งมั่นลงทุนอย่างไม่หวั่นไหว ตามเส้นทางที่ผินย้ำว่า เขาจะไม่ทำอะไรอย่างอื่นที่ไม่ถนัด เพราะอาชีพของเขาคือการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไม่เหมือนใครไม่เลียนแบบใครทั้งนั้น พร้อมกับมั่นใจว่า คาร์นิวัล เมจิก จะต้องเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่จะเรียกความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตกลับมามีชีวิตชีวาและคึกคักได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นและความพิเศษของ คาร์นิวัล เมจิก ที่จะดึงดูดตลาดได้

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่ผินยึดถือมาตลอดก็คือ ทั้งคอนเทนต์คือการแสดงและเทคโนโลยีผนวกเข้าด้วยกัน


นายกิตติกร คิ้วคชา กรรมกาาผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด ซึ่งเป็นลูกชายของ ผิน กล่าวว่า คาร์นิวัล เมจิก พร้อมเปิดบริการอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า (2563) ซึ่งยอมรับว่าเป็นการเปิดในช่วงที่สถานการณ์ท่องเที่ยวของภูเก็ตยังไม่ค่อยกระเตื้องเท่าใดนัก แต่มั่นใจว่า สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดีขึ้น และนักท่องเที่ยวที่กลับมา ซึ่งจะเป็นไปตามวัฏจักรของตลาดอยู่แล้วด้วย

เขายอมรับว่า ในภาพรวมขณะนี้นักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตหายไปมากกว่า 30% เช่นเดียวกับลูกค้าของแฟนตาซี ภูเก็ต ก็หายไป 30% ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นตัวเลขตกลงที่สูงที่สุดในรอบหลายสิบปีเลยก็ว่าได้ ซึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว


ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าของแฟนตาซีภูเก็ตมาจากรุ๊ปทัวร์มากถึง 60% และมาจากมาเองหรือวอล์กอิน 40% ซึ่งหมายรวมถึงคนไทยและต่างชาติรวมกัน โดยกลุ่มต่างชาติตลาดหลักคือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และรัสเซีย ซึ่งพบว่าจีนซึ่งเป็นตลาดหลักด้วยสัดส่วนมากกว่า 15% จากลูกค้าทั้งหมดของเรา แต่จีนหายไปมากกว่า 10% แต่โชคดีที่ได้ลูกค้ากลุ่มอินเดียมาเที่ยวซึ่งเดิมมีสัดส่วนเพียง 10% เข้ามาทดแทนเพราะเพิ่มมากถึง 30% แต่โดยรวมแล้วก็ยังต่ำกว่าเป้าหมาย อาจจะทำให้ปริมาณผู้จะมาใช้บริการที่ภูเก็ตแฟนตาซีในสิ้นปี 2562 นี้ตกลง 30% จากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณลูกค้าเฉลี่ย 8 แสนคน-1 ล้านคนต่อปี

ในภาพรวมจากสถิติของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ไตรมาสแรกปี 2562 (มกราคม-มีนาคม 2562) มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยรวม 10.79 ล้านคน ขยายตัว 1.76% สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่ารวม 5.73 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.38%

โดยที่ตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลักพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยจำนวน 3.12 ล้านคน ลดลง 1.72% สร้างรายได้ 1.72 แสนล้านบาท ลดลง 1.82%

*** ปั้นโครงการใหม่เสริมทัพ
ทางแก้ไขจึงต้องพยายามหาโครงการใหม่ๆ หรือหาตลาดใหม่ๆ มาทดแทน หรือเจาะตลาดเก่าให้เพิ่มขึ้นอีก แต่เขาย้ำว่าจะไม่แก้ไขปัญหากลยุทธ์ลดราคา ยังคงอัตราเดิมที่ราคา 2,200 บาทต่อคน ซึ่งรวมค่าอาหารและชมการแสดงด้วย


"จากนี้ไปตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตจะเริ่มดีขึ้นบ้าง เพราะภูเก็ตยังมีจุดแข็งตรงที่เป็นเมืองที่เติบโตทางเศรษฐกิจสูงรองจากกรุงเทพฯ คนทั่วประเทศรู้จักดี มีความสวยงาม และยังเป็นเมืองหลักท่องเที่ยวของไทย เพียงแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมทั้งเรื่องเทรดวอร์การค้า เรื่องสถานการณ์โลก และเรื่องค่าเงินบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากมองในภาพใหญ่แล้ว ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ อีกมากที่จะทำให้ภูเก็ตเติบโตอีกครั้งได้ จากนโยบายของรัฐบาลที่มีแผนจะผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็นไมซ์ซิตี้ด้วย


นโยบายภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้โตกว่าเดิม และรองรับตลาดท่องเที่ยว ด้วยจุดแข็งของภูเก็ตที่ทำให้ตระกูล คิ้วคชา ตัดสินใจสร้างแม่เหล็กใหม่ขึ้นมา อย่าง คาร์นิวัล เมจิก ทว่า โครงการคาร์นิวัล เมจิก นี้มีความคิดมาตั้งแต่เมื่อ 16 ปีที่แล้ว หรือเพียง 3-4 ปีให้หลังจากภูเก็ตแฟนตาซีเปิดบริการเพียงไม่นาน โดยทิศทางก็เป็นโครงการที่มีการศึกษา มีการวางแผนและปรับแผนมาตลอด จนกระทั่งได้ตัดสินใจเริ่มก่อสร้างโครงการเมื่อ 3 ปีที่ผ่ามมานี้เอง

ด้วยงบลงทุนคาร์นิวัล เมจิกแรกเริ่มที่ 3,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 100 ไร่ ใกล้เคียงกับภูเก็ตแฟนตาซีเดิม ที่มี 70 ไร่ บนหาดกมลา ภูเก็ต ที่เปิดบริการมานานกว่า 20 ปีแล้ว

"เมื่อเริ่มโครงการ งบลงทุนเดิมที่ 3,500 ล้านบาท แต่เมื่อสร้างไปสร้างมาก็มีการเพิ่มส่วนใหม่ๆ เข้ามาตลอด ทำให้งบประมาณลงทุนไปอยู่ที่ 5,000 ล้านบาทแล้ว เพราะเรามองไปไกล มองอนาคตอีก 20-30 ปีด้วยว่าจะรองรับการเติบโตของภูเก็ตมากน้อยอย่างไรในอนาคต ซึ่งเรามั่นใจในศักยภาพของภูเก็ตที่มีอยู่ และมั่นใจว่าโครงการคาร์นิวัล เมจิกนี้จะคืนทุนประมาณ 7-10 ปีได้ คาดว่าจะสร้างรายได้ต่อปีประมาณ 1,500 ล้านบาท จับกลุ่มเป้าหมายคนไทย 30% และชาวต่างชาติ 70% หรือรวมประมาณ 1-2 ล้านคนต่อปี" นายกิตติกรกล่าว


ทั้งนี้ เขายืนยันด้วยว่า ทั้งภูเก็ตแฟนตาซี กับคาร์นิวัล เมจิก ไม่ซ้ำซ้อนกันและไม่แย่งตลาดกันเองแน่นอน

“สินค้าและโปรดักต์ไม่เหมือนกัน แต่มีเป้าหมายเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก โดยภูเก็ตแฟนตาซีเน้นการแสดงแบบไทยๆ และเน้นช้าง เป็นตัวหลัก ส่วนคาร์นิวัล เมจิก เน้นไปที่การแสดงในรูปแบบพาเหรด และการนำเสนอความสวยงามด้วยไฟ และทั้งสองโครงการนี้ก็คิดค่าบริการแยกออกจากกันไม่ได้เที่ยวรวมกันด้วยเพราะอยู่คนละรั้วกันแม้จะห่างกันไม่ไกล แต่ก็ไม่แปลกหากจะมีการทำตลาดร่วมกันในอนาคต โดยที่ค่าบริการของคาร์นิวัล เมจิก ยังไม่มีการสรุปว่าจะคิดเท่าไร และคิดแบบไหน แต่คาดว่าคงจะใกล้เคียงกับราคาของภูเก็ตแฟนตาซีที่อยู่ประมาณ 2,200 บาทต่อคน (รวมค่า
อาหารเครื่องดื่ม และชมการแสดง)”

*** สำหรับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้ “คาร์นิวัลเมจิก” เป็นที่รู้จักและเป็นแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์กสำคัญเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนั้น นายกิตติกรระบุว่า เราเน้นการทำแผนสื่อสารการตลาดเชิงรุกแบบ 360 องศา มีทั้งการทำออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะเราเน้นการทำโปรโมตทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ชื่นชอบการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยกว่า 40 ประเทศ มีการทำโรดโชว์ไปยัง สถานที่สำคัญทั่วทั้งภูเก็ต และจังหวัดสำคัญๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเอเยนต์ทัวร์ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ ที่เป็นพันธมิตรกับเรามาอย่างยาวนานกว่าพันแห่ง และแน่นอนว่าเราหันมาสร้างการรู้จักแบรนด์ผ่านการใช้ สื่อออนไลน์และ TV ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นปีหน้า

ต้องจับตาดูถึงความท้าทายบทใหม่ของตระกูล “คิ้วคชา” ของ ผิน กับเป้าหมายของคาร์นิวัล เมจิก ที่ ผิน คิ้วคชา ต้องการให้ขึ้นมาผงาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชียให้ได้ ซึ่งประกอบด้วย ดิสนียแลนด์ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ และคาร์นิวัล เมจิก ของไทย

*** เผยโฉม คาร์นิวัล เมจิก”
ทั้งนี้ โครงการ "คาร์นิวัล เมจิก" ธีมปาร์กคาร์นิวัลสไตล์ไทยที่แรกและที่เดียวในโลก ที่ภูเก็ต ตั้งเป้าหมายที่จะให้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเอเชีย โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวที่โครงการแห่งนี้ประมาณ 1-2 ล้านคนต่อปี และคาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี


การสร้างโครงการนี้เป็นไปตามแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของภูเก็ตที่ยังมีต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพของภูเก็ตที่มีทั้งชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ต ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเยือนภูเก็ตมากกว่าปีละ 12-13 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี

โครงการคาร์นิวัล เมจิก ดำเนินการในนามของบริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด ในเครือของภูเก็ตแฟนตาซี ลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่หาดกมลา ภูเก็ต พื้นที่กว่า 100 ไร่ ใกล้กับภูเก็ตแฟนตาซี ซึ่งประกอบด้วย 4 โซนหลัก คือ

โซนที่ 1 คือ คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) เป็นถนนชอปปิ้งสินค้าคุณภาพนานาชนิดจากทั่วภูมิภาคทั่วไทย ในร้านค้ามากมายที่ออกแบบตกแต่งอย่างงดงามตระการตา สีสันสดใสสไตล์คาร์นิวัล นอกจากนั้น ยังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ เช่น ถ้วยชาหมุน ชิงช้าสวรรค์ ขับรถแข่ง นั่งรถไฟ และม้าหมุนที่เด็กๆ ชื่นชอบ

โซนที่ 2 ภัตตาคารเบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับผู้มาเยือนได้มากถึง 3,000 ที่นั่ง ในบรรยากาศการรับประทานอาหารเสมือนอยู่ในสวนแห่งสวรรค์ รายล้อมด้วยรูปปั้นนกยูงที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคารหรู 3 ชั้นอีกแห่ง ในชื่อว่า “River of Bliss Luxury Restaurant” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทศกาลลอยกระทง และอีกหนึ่งไฮไลต์ของภัตตาคารแห่งนี้ คือ ลูกค้าที่จะมารับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งนี้จะต้องมาตรงกลางของ “น้ำตกแห่งความสุข” (Happiness Falls) ที่บริเวณทางเข้าเพื่อขึ้น “เรือแห่งความสุขสำราญ” (Barge of Happiness) ซึ่งเรือจะลอยขึ้นเหนือจากพื้นประมาณ 7 เมตร เพื่อเข้าสู่บริเวณภายในภัตตาคาร

โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์ พาเลซ (River Palace) เป็นโรงละครขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว่า 16,000 ตร.ม. หรือประมาณ 10 ไร่ นับเป็นโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวอาคารมีความยาวถึง 200 เมตร รองรับผู้ชมได้มากถึง 2,000 ที่นั่ง และภายในมีเวทีการแสดงที่กว้างถึง 70 เมตร สูง 22 เมตร พร้อมการแสดงบนเวทีในรูปแบบพาเหรดอินดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในชื่อ “ริเวอร์คาร์นิวัล” (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาวประมาณ 60 นาที ไฮไลต์อยู่ที่ขบวนรถพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 70 เมตร หรือเทียบเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้ A380 และพบกับความยิ่งใหญ่ทำลายสถิติโลกของฉากเรือในขบวนแห่ และขบวนพาเหรดลอยฟ้าขนาดมหึมาที่ไม่มีใครสร้างมาก่อน พร้อมทั้งจอแอลอีดีที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา สำหรับการจัดการแสดงพาเหรดในโรงละครแห่งแรกของโลก เครื่องยนต์กลไกพิเศษ ระบบแสงและเทคโนโลยีสำหรับเอฟเฟกต์พิเศษที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน


โซนที่ 4 คือ คิงดอมออฟไลต์ส (Kingdom of Lights) เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามมากกว่า 40 ล้านดวง ไฮไลต์ของโซนนี้คือ การนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัดลวดลายสวยงาม (Luminarie) ที่มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น