“พาณิชย์” ตั้งเป้าชงรัฐบาลตัดสินใจระดับนโยบาย พ.ย.-ธ.ค.นี้ ไฟเขียวฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู เผยไทยต้องเดินหน้า หากช้าจะเสียโอกาส หลังเวียดนามและสิงคโปร์ทำเอฟทีเอไปแล้ว เตรียมลงพื้นที่ 4 ภาค รับฟังความคิดเห็น หลังเริ่มครั้งแรกที่กรุงเทพฯ เสียงส่วนใหญ่หนุน ยันมีแผนเสนอตั้งกองทุนเอฟทีเอช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการหาข้อสรุปการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งตามกำหนดการจะทำการรวบรวมผลการศึกษา ผลการรับฟังความคิดเห็น เพื่อเสนอระดับนโยบายพิจารณาตัดสินใจเรื่องการฟื้นการเจรจาได้ประมาณเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2562 โดยตามขั้นตอนจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) พิจารณาก่อน จากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) พิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบต่อไป
“การฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียูเป็นไปตามที่ ครม.เศรษฐกิจได้มีมติให้เร่งดำเนินการเสนอ ครม.ให้ได้ภายในปี 2562 ซึ่งตามเป้าคิดว่าทำได้ และยังเป็นช่วงเดียวกันกับที่สหภาพยุโรปได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการยุโรปชุดใหม่ที่จะสามารถตัดสินใจหรือมีนโยบายเรื่องการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอกับไทย จึงเป็นเวลาที่ตรงกันพอดี และหากทั้งสองฝ่ายมีข้อสรุปได้แล้ว การเจรจาน่าจะเริ่มต้นได้ปีหน้า ใช้เวลาเจรจาอย่างน้อย 1 ปี และจากนั้นจะเป็นเรื่องการดำเนินการภายในของไทยและอียู คาดว่าราวๆ 1 ปีเช่นเดียวกัน จากนั้นถึงจะมีผลบังคับใช้” นางอรมนกล่าว
นางอรมนกล่าวว่า การเตรียมการฟื้นการเจรจาในปัจจุบัน กรมฯ ได้ให้สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา ทำการศึกษาวิจัยประโยชน์และผลกระทบที่ไทยจะได้รับจากการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียูแล้ว โดยให้ศึกษาเปรียบเทียบความตกลงเอฟทีเอที่อียูได้ทำกับประเทศต่างๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ และกลุ่มเมร์โกซูร์ ซึ่งประกอบด้วยบราซิล อาร์เจนตินา ปารากวัย และอุรุกวัย ว่าหากไทยไม่เร่งฟื้นการเจรจาจะเสียประโยชน์หรือโอกาสที่ควรจะได้รับหรือไม่ หากเข้าร่วมจะได้ประโยชน์อะไร และต้องปรับตัวอย่างไร ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2562 เบื้องต้นเห็นว่าหากไทยไม่เร่งเจรจาจะยิ่งทำให้ไทยเสียโอกาส เพราะสินค้าของเวียดนามและสิงคโปร์ใกล้เคียงกับไทยมาก
ทั้งนี้ กรมฯ ยังอยู่ระหว่างการเดินสายรับฟังความคิดเห็น ได้แก่ ภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรี วันที่ 10 ต.ค. 2562, ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 22 ต.ค. 2562, ภาคใต้ จังหวัดสงขลา วันที่ 28 ต.ค. 2562 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 7 พ.ย. 2562 และอาจจะปิดท้ายที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง โดยผลการรับฟังความเห็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการฟื้นการเจรจาจะช่วยขยายตลาดให้กับไทย แต่บางส่วนมีความกังวลเรื่องเปิดตลาด การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ระบบสุขภาพ ทรัพย์สินทางปัญญา และสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรมฯ ได้ยืนยันไปแล้วว่าจะดำเนินการเจรจาด้วยความระมัดระวัง และจะมีกลไกเพื่อรองรับการปรับตัว เช่น การจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ