คณะทำงานวอร์รูมเตรียมความพร้อมรับมือการเบี่ยงเบนทางการค้า เสนอใช้โอกาสจากบาทแข็งนำเข้าวัตถุดิบมาผลิตสินค้าศักยภาพเพื่อส่งออก เร่งดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดันใช้สินค้าไทยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนพึ่งส่งออกเป็นหลัก และเร่งเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ส่วนแผนรับมือเทรดวอร์ เล็งดันส่งออกเป็นรายสินค้าเจาะทั้งจีนและสหรัฐฯ พร้อมเร่งสานสัมพันธ์อียู อังกฤษ หลังเบร็กซิต
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานวอร์รูมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางการรับมือการเบี่ยงเบนทางการค้าที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเห็นตรงกันว่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างประเทศ ด้วยการใช้โอกาสจากเงินบาทที่แข็งค่านำเข้าวัตถุดิบราคาถูกมาผลิตเป็นสินค้า และให้มีการปรับกฎระเบียบภายในให้เอื้อต่อการนำเข้า ซึ่งจะทำให้ไทยมีสินค้าศักยภาพเพื่อการส่งออกเพิ่มมากขึ้น
ส่วนในด้านการลงทุน ไทยจะต้องเร่งดึงดูดการลงทุนโดยตรงให้เพิ่มมากขึ้น เพราะผลจากสงครามการค้า ทำให้มีการย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ หลายประเทศ ซึ่งไทยจะต้องมีนโยบายและมาตรการดึงดูดการลงทุนที่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมการค้าการลงทุน (บีโอไอ) และคณะกรรมการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็ดำเนินการอยู่ แต่จะไม่เน้นการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานสูง
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นด้วยกับการส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าไทย สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจของไทย และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ใช่จะพึ่งพาแต่การส่งออกเพียงอย่างเดียว เพราะปัจจุบันจีดีพีของไทยพึ่งพาการส่งออกสูงมาก และต้องเร่งการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) โดยเฉพาะไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมการไปแล้ว และจะเดินหน้าแน่นอน เพราะหากไทยไม่ทำจะเสียเปรียบประเทศคู่แข่งที่ปัจจุบันมีการทำเอฟทีเอกับอียูแล้ว และยังต้องเร่งเจรจาเอฟทีเอที่ค้างอยู่ให้เสร็จ ทั้งความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ไทย-ตุรกี ไทย-ศรีลังกา และไทย-ปากีสถาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนรับมือสงครามการค้าจะเร่งผลักดันการส่งออกสินค้ามีโอกาส เช่น ยางรถ ตู้เย็น และข้าว ไปสหรัฐฯ และเครื่องสำอาง อาหารปรุงแต่งสำหรับทารกและเด็กเล็ก ไปจีน และแป้งมันสำปะหลัง ทุเรียน และผลไม้อื่นๆ ไปตลาดเมืองรองของจีน ส่วนสินค้าที่ต้องหาตลาดใหม่ทดแทนจีน เช่น มันสำปะหลัง ยางสังเคราะห์ ยางธรรมชาติ และทดแทนตลาดสหรัฐฯ เช่น เครื่องโทรศัพท์ หน่วยเก็บของเครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ และส่วนประกอบของเครื่องโทรศัพท์ และสินค้าที่ต้องมีการปรับโครงสร้างและดึงการลงทุนมาไทย เช่น ตัวประมวลผลและตัวควบคุมสำหรับวงจรรวมที่ใช้ในทางอิเล็กทรอนิกส์ แล็ปท็อป โน้ตบุ๊ก ยารักษาโรค อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เครื่องมือแพทย์ เป็นต้น
สำหรับการรับมือเบร็กซิต จะเร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับอียูและอังกฤษ เร่งส่งออกไปยังอังกฤษโดยใช้ประโยชน์จากอัตราภาษีชั่วคราวที่ลดลง หรือการที่อังกฤษจะหาแหล่งนำเข้าอื่นทดแทนนำเข้าจากอียู เร่งดึงดูดนักลงทุนอียูและอังกฤษมาลงทุนในไทย หาลู่ทางกระจายการลงทุนในเนเธอร์แลนด์และประเทศแถบยุโรปตะวันออก รวมทั้งต้องเตรียมการเรื่องโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าไปอังกฤษ และเตรียมเครื่องมือรับประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน