กรมการค้าภายในเตรียมเชิญโรงพยาบาลเอกชนขายยาแพงเกินจริงชี้แจง ย้ำหากเหตุผลฟังไม่ขึ้นเจอเล่นงานตามกฎหมาย ระบุราคายาที่ปรากฏในเว็บไซต์ www.dit.go.th เป็นราคาที่โรงพยาบาลเอกชนจัดส่งมาให้ เผยล่าสุดกำลังจัดเกรดโรงพยาบาลเอกชน 3 ระดับ แพงสุด แพงปานกลาง และราคาเอื้ออาทร คาดแล้วเสร็จ ต.ค.นี้
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่มีการตรวจสอบราคายาจากเว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th แล้วพบว่าโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมีกำไรจากการขายยาสูงตั้งแต่ 100% จนเกิน 1000% ว่า ราคายาที่ปรากฏในเว็บไซต์ของกรมฯ เป็นราคาซื้อและขายที่โรงพยาบาลเอกชนกว่า 300 แห่งได้ส่งมาให้ จากนั้นกรมฯ ได้นำไปทำเป็นคิวอาร์โค้ดจัดส่งให้กับโรงพยาบาล เพื่อให้ติดตั้งไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดเจน เช่น เคาน์เตอร์ยา หรือเคาน์เตอร์จ่ายเงิน เพื่อให้ประชาชนให้สแกนตรวจสอบราคายาได้ รวมถึงได้นำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบราคาได้ด้วย โดยราคาที่ส่งมานั้นเป็นราคาที่โรงพยาบาลผูกพันว่าจะขายให้แก่ประชาชน ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาต้องแจ้งให้กรมฯ ทราบล่วงหน้าก่อนการเปลี่ยนแปลงราคา 15 วัน
ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมจะเชิญโรงพยาบาลเอกชนที่มีการคิดราคายาสูงเกินจริงมาสอบถามข้อเท็จจริง หากไม่สามารถบอกที่มาที่ไปของการคิดราคายาได้ หรือชี้แจงแล้วเหตุผลฟังไม่ขึ้น กรมฯ เตรียมใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ดำเนินการ โดยกรณีการขายยาราคาสูงเกินจริง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า จากการตรวจสอบเว็บไซต์กรมการค้าภายใน พบว่ายา 20 ชนิดที่คนไทยใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาแก้ปวด ลดไข้ บรรเทาอาการแน่นเฟ้อ จุกเสียด แก้คลื่นไส้ อาเจียน คลายกล้ามเนื้อ ลดความดัน แก้ปวดท้องประจำเดือน เป็นต้น โรงพยาบาลเอกชนมีส่วนต่างราคาซื้อและขายสูงตั้งแต่ระดับ 100% จนถึงเกิน 1000%
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการจัดกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน 354 แห่ง เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลที่คิดค่ายาและค่าบริการแบบแพงเกินจริง, กลุ่มที่คิดราคายาและค่ารักษาระดับกลาง และกลุ่มที่คิดราคายาและค่าบริการแบบอนุเคราะห์ผู้ป่วย เพื่อนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ของกรมฯ ให้ประชาชนได้รับทราบ และพิจารณาในการเข้าไปใช้บริการ คาดว่าจะจัดกลุ่มได้เสร็จกลางเดือน ต.ค.นี้ หลังจากที่กรมฯ มีข้อมูลเกี่ยวกับราคายาของโรงพยาบาลเอกชนเกือบทั้งหมดแล้ว