“วีรศักดิ์” หนุนผู้ประกอบการไทยใช้เอฟทีเอ ขยายตลาดต่างประเทศ เผยอาเซียน จีน มีโอกาสสูง เหตุลดภาษีนำเข้าให้ไทยแล้ว เตรียมเข้าช่วยอบรมเชิงลึกด้านการพัฒนาสินค้า พร้อมพาสำรวจตลาด เจรจาธุรกิจที่สิงคโปร์ มั่นใจเปิดตลาดได้แน่
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดตัวโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” และพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมแปรรูปของไทย กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าการลงนามใน MOU ครั้งนี้เป็นการช่วยเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อขยายโอกาสการส่งออกให้กับนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย ทำให้อุตสาหกรรมสินค้าโคนมไทยมีศักยภาพแข่งขันได้ในตลาดโลก และยังเป็นการช่วยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์นมโคในภูมิภาค
“การผลักดันสินค้าเกษตรไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพราะเกษตรกรถือเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ หากช่วยสร้างความเข้มแข็ง ช่วยสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรได้ก็จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนการนำร่องที่อุตสาหกรรมโคนมเพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพ แต่ยังขาดโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงได้เข้ามาช่วยเตรียมความพร้อม และผลักดันให้ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอในการทำตลาดต่างประเทศ และจากนี้จะมีการขยายไปยังสินค้าเกษตรรายการอื่นๆ ต่อไป” นายวีรศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอของไทยหลายประเทศ เช่น อาเซียนและจีน ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์นมโค เช่น นมพร้อมดื่ม โยเกิร์ต และเนย ที่ส่งออกจากไทยแล้ว และที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมหลายชนิด เช่น นมพร้อมดื่ม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เนย นมข้นหวาน เป็นต้น ไปยังตลาดอาเซียนและจีนได้แล้ว โดยในปี 2561 มีมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์นมของไทย 480 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.5%
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้านมโคแปรรูปประเภทต่างๆ เช่น โยเกิร์ต นมยูเอชที นมสดพาสเจอไรส์ ไอศกรีม เนยแข็ง นมอัดเม็ด เป็นต้น จำนวน 10 ราย จากผู้สมัคร 54 ราย เข้าร่วมโครงการ เพื่อเข้ารับการอบรมเชิงลึก ในการพัฒนาศักยภาพการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และจากนั้นจะพาไปชมงานแสดงสินค้า สำรวจตลาดค้าปลีก จับคู่ธุรกิจและสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้าในอาเซียน โดยกำหนดไปสิงคโปร์ เพราะเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ประชาชนนิยมบริโภคสินค้าที่หลากหลาย และนิยมสินค้าอาหารพรีเมียม จึงเป็นโอกาสสำหรับนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย