สถาบันลูกโลกสีเขียว ส่งเสริม”พลังเปลี่ยนโลก”ผ่านรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 19” เพื่อมอบกำลังใจในการทุ่มเทในการอนุรักษ์ ปกป้อง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยความหวงแหน ยังประโยชน์ต่อสาธารณะ
วันนี้ (12 ก.ค. ) นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สถาบันลูกโลกสีเขียว และ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการสถาบันลูกโลกสีเขียว เป็นผู้มอบรางวัลในงาน “พิธีประกาศผลและมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 19” โดยมีผลงานที่สมัครเข้ารับการพิจารณาและการสรรหา จำนวนทั้งสิ้น 376 ผลงาน
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการสถาบันลูกโลกสีเขียว ได้กล่าวแก่ผู้รับรางวัลว่า สถานการณ์โลกในขณะนี้ จำเป็นต้องมี “คนดีดี” อย่างท่านทั้งหลายจำนวนมาก รางวัลลูกโลกสีเขียว ก็จะยืนเคียงข้างเพื่อหนุนเสริมการทำงาน และเป็นกำลังใจให้ก้าวที่ 21 ของสถาบันลูกโลกสีเขียว ยังคงเดินหน้าในภารกิจเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกำลังใจ เชิดชู ผู้ที่ได้อุทิศตนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนและประเทศไทย เป็นต้นแบบของคนที่จะส่งต่อ “พลังเปลี่ยนโลก” สู่คนรุ่นต่อไป เพื่อให้เป็นพลังที่เข้มแข็งในการขับเคลื่อนสังคมและชุมชนของตน จนไปสู่ระดับประเทศในอนาคต
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2542 ที่ได้มีการจัดพิธีมอบ “รางวัลลูกโลกสีเขียว” ขึ้น เพื่อยกย่อง เชิดชู บุคคล ชุมชน เยาวชน และสื่อมวลชนผู้มีจิตสาธารณะในการร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรของประเทศ ทั้ง ดิน น้ำ ป่า และสิ่งแวดล้อม จนเกิดผลสำเร็จอย่างประจักษ์ ล้วนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่า เราทุกคนตระหนักอยู่เสมอ ถึงหน้าที่ในฐานะสมาชิกของโลก ที่ต้องการร่วมประคับประคอง แก้ปัญหา ฟื้นฟู และรักษาทรัพยากรของโลก เพื่อดำรงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน อันจะดำรงประโยชน์ต่อชีวิตของคนและชุมชนอย่างแท้จริง เป็น “พลังเปลี่ยนโลก” สำคัญ ที่ จะขับเคลื่อนประเทศไทย ให้กลับมีความสมบูรณ์ เป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ของพี่น้องไทย สร้างชุมชนและประเทศไทย ให้มีความผาสุก ด้วยวิถีชีวิตพอเพียง บนฐานทรัพยากรที่ทุกคนต่างตระหนักถึงคุณค่า รู้ใช้ รู้รักษา เปลี่ยนตนเอง เพื่ออนาคตทรัพยากรที่สมบูรณ์ต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการ รางวัลลูกโลกสีเขียว ได้ลงพื้นที่พิจารณาผลงานตลอดปี 2561 จนถึงต้นปี 2562 และตัดสินมอบ “รางวัลลูกโลกสีเขียว” ครั้งที่ 19 แก่ผลงานทรงคุณค่า จำนวน 36 ผลงาน ซึ่งผู้รับรางวัลจะได้รับโล่รางวัลพร้อมเกียรติบัตรและเงินรางวัลเต็มจำนวน รวมเงินรางวัลสำหรับ 36 ผลงาน เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,005,000 บาท