xs
xsm
sm
md
lg

กรมพัฒน์ฯ ให้ข้อมูลธนาคารโลก ยันพัฒนาระบบจดบริษัทใหม่ ง่ายและเร็ว ลุ้นปีนี้อันดับดีขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ชี้แจงทีมวิจัยธนาคารโลก ไทยมีการปรับปรุงระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ง่ายขึ้น เชื่อมการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม จดทะเบียนนายจ้างลูกจ้างในขั้นตอนเดียว และเพิ่มหลักประกันทางธุรกิจในการขอสินเชื่อ ลุ้นผลการจัดอันดับ ต.ค.นี้ดีขึ้น

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เข้าร่วมการประชุมชี้แจงการดำเนินการตามรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย หรือ Doing Business 2020 ต่อทีมวิจัยของธนาคารโลก (World Bank) ณ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งกรมฯ ในฐานะเจ้าภาพหลักและมีบทบาทสำคัญเกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจ (Starting a Business) ได้ชี้แจงต่อทีมวิจัยของธนาคารโลกให้เห็นถึงความคืบหน้าของการเริ่มต้นทำธุรกิจในไทยในด้านต่างๆ ทั้งการจดทะเบียนนิติบุคคล การร่วมมือกับกรมสรรพากร และสำนักงานประกันสังคมในการร่วมมือลดขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจ และการผลักดันให้ธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อด้วยการใช้หลักประกันทางธุรกิจ

โดยด้านการเริ่มต้นธุรกิจ กรมฯ ได้ชี้แจงว่ามีการปรับปรุงระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ให้มีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน ทำให้ผู้ประกอบการได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย และยังได้เพิ่มช่องทางการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มรูปแบบการกรอกข้อมูลคำขอจดทะเบียนแบบง่าย (สำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน) และการเพิ่มช่องทางให้ผู้แทนรับจดทะเบียนสามารถจัดทำและยื่นคำขอจดทะเบียนแทนผู้ที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล โดยการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้มีการใช้งานระบบ e-Registration เพิ่มสูงขึ้น

ส่วนการบูรณาการขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจต่อกรมสรรพากร และสำนักงานประกันสังคม ได้ชี้แจงว่ามีการบูรณาการขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขึ้นทะเบียนนายจ้าง-ลูกจ้าง ให้อยู่ภายในขั้นตอนเดียว ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดำเนินการดังกล่าวทั้ง 3 เรื่องได้พร้อมกัน เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

สำหรับด้านการได้รับสินเชื่อ ได้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2562 ที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมฯ เป็นเจ้าภาพหลักในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลการจดทะเบียนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเข้าด้วยกัน เพื่อให้ฐานข้อมูลทรัพย์สินมีความครบถ้วน ทันสมัย และสามารถสืบค้นได้ ณ ที่เดียว ซึ่งขณะนี้ กรมฯ ร่วมกับกรมเจ้าท่าและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ในเดือน มิ.ย. 2562 และคาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานระบบได้ในเดือนต.ค.2562 ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการตรวจค้นข้อมูลทรัพย์สินที่มีหลักประกันของกรมฯ ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ทางเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) และทางระบบ Mobile Application (DBD e-Service)

“มั่นใจว่าการพัฒนาระบบการให้บริการที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงกฎ ระเบียบ วิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และการนำเทคโนโลยีมาใช้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และจะส่งผลให้อันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยดีขึ้น โดยในปีนี้ ธนาคารโลกจะประกาศผลในเดือน ต.ค. 2562 คาดว่าอันดับของไทยน่าจะดีขึ้นจากเดิมที่ปี 2019 ได้รับการจัดอันดับรวมอยู่ที่ 27 และอันดับที่ 39 ในด้านการเริ่มต้นธุรกิจ” นายพูนพงษ์กล่าว

ทุกๆ ปี ธนาคารโลกจะจัดทำรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของ 190 ประเทศทั่วโลก หรือ Doing Business ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน ระยะเวลาการให้บริการ ค่าใช้จ่าย ระบบอำนวยความสะดวกของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ของภาครัฐ โดยมีตัวชี้วัดในการสำรวจทั้งหมด 10 ด้าน ได้แก่ การเริ่มต้นธุรกิจ (Starting a Business) การขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า การจดทะเบียนสินทรัพย์ การได้รับสินเชื่อ การคุ้มครองผู้ลงทุน การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และการแก้ไขปัญหาล้มละลาย


กำลังโหลดความคิดเห็น