xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้าฉุดส่งออกวูบ “พาณิชย์”ยันมีแผนลดผลกระทบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“พาณิชย์”ประเมินสงครามการค้าครั้งล่าสุด ฉุดส่งออกไทยมูลค่าหาย 5.6-6.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหตุส่งออกไปจีนและประเทศที่ 3 ลดลง แม้ส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่ม แต่ชดเชยกันไม่ได้ เผยสินค้าเกษตร อาหาร ประมง มีโอกาสส่งออกได้ดีขึ้น ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์น่าจะหนัก ยันมีแผนลดผลกระทบแล้ว จ่อถกกลุ่มที่โดนหนักทำแผนรับมือ พร้อมนัดประชุมทูตพาณิชย์ประเมินอีกครั้งปลายพ.ค.นี้

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนครั้งล่าสุดจาก 10% เป็น 25% มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็นการตอบโต้มูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ว่า ในเบื้องต้นประเมินว่าการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งล่าสุด อาจทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปประเทศต่างๆ ในปีนี้ ลดลงถึง 5,600-6,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.2% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ที่มูลค่า 2.72 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8%

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าที่คาดว่าจะลดลง ครอบคลุมรายการสินค้าที่ไทยส่งออกไปประเทศต่างๆ ประมาณ 46% ซึ่งคำนวณจากทั้งการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากจีน การส่งออกสินค้าไทยไปจีน และการส่งออกสินค้าไทยที่เป็นห่วงโซ่การผลิตของจีนไปตลาดอื่น ทั้งไต้หวัน มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเวียดนาม โดยการส่งออกไปจีนและประเทศที่เป็นห่วงโซ่การผลิตของจีนจะลดลง แต่การส่งออกไปสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ส่งออกไปจีนและประเทศที่ 3

“การส่งออกที่ลดลง น่าจะทำให้ส่งออกทั้งปีของไทยลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย 8% ที่ตั้งไว้ และยิ่งถ้าสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากทั่วโลก ตามมาตรการเซพการ์ด ที่จะประกาศวันที่ 17 พ.ค.นี้ จะยิ่งทำให้มูลค่าส่งออกไทยลดลงได้อีก แต่จะลดลงเท่าไร กระทบเป้าหมายแค่ไหน ต้องรอผลการประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้”

น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า จากการประเมินเป็นรายสินค้า พบว่า มีสินค้าไทยหลายตัวที่การส่งออกจะขยายตัวได้ขึ้น เช่น สินค้าเกษตรและอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม ไก่ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นต้น ซึ่งแม้จะมีมูลค่าน้อย ไม่อาจชดเชยการหดตัวในสินค้าอุตสาหกรรมได้ แต่การส่งออกสินค้าเหล่านี้ มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน มีผลต่อรายได้ภาคเกษตรและผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) จึงควรเร่งผลักดันส่งออกให้มากขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าที่การส่งออกอาจลดลงมาก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน

ทางด้านผลกระทบกรณีที่จีนปรับขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สนค. กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะมีผลกระทบในทางบวกและทางลบมากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่ประเมินในเบื้องต้น พบว่า ไทยมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้นหลายรายการ เช่น สินค้าเกษตร อาหาร และประมง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ เชิญนักลงทุนและผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน มาหารือ เพราะได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมแนวทางการรับมือไว้แล้ว โดยน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำแผนขยายตลาดในสินค้าที่มีศักยภาพ และเร่งพัฒนาการส่งออกผ่านออนไลน์ , กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมเจรจาลดอุปสรรคทางการค้ากับประเทศต่างๆ , กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมมาตรการผลักดันการค้าชายแดนและการขายข้าว เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น