"พาณิชย์" ผนึกกำลังผู้ผลิตและผู้จำหน่ายชุดนักเรียนรายใหญ่ 4 ราย ร้านจำหน่ายเครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียน และห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ 13 ราย จัดลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศ 21 วัน ลดสูงสุด 70% หวังช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ผู้ปกครองรับเปิดเทอม คาดเงินสะพัด 2.7 หมื่นล้านบาท ประหยัดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการได้ 8 พันล้านบาท
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้า ภายใต้ชื่องาน “รวมใจ..เพิ่มสุข..ช้อปสนุก..ลดรับเปิดเทอม” เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.-15 พ.ค. 2562 รวม 21 วัน โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย ผู้ผลิตผู้จำหน่ายชุดนักเรียนรายใหญ่จำนวน 4 ราย ได้แก่ ร้านศึกษาภัณฑ์ ของกระทรวงศึกษาธิการ ร้านน้อมจิตต์ ห้างตราสมอ และร้านสมใจนึก และยังมีร้านจำหน่ายเครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียน สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ จำนวน 13 ราย ทุกสาขาทั่วประเทศกว่า 15,300 สาขา ประกอบด้วย 1. เดอะมอลล์ กรุ๊ป 2. เครือเซ็นทรัล 3. โรบินสัน 4. เทสโก้ โลตัส 5. บิ๊กซี 6. แม็คโคร 7. ตั้งฮั่วเส็ง 8. ท็อปส์ 9. เซเว่น อีเลฟเว่น 10. แฟมิลี่มาร์ท 11. แม็กซ์แวลู 12. ลอว์สัน 108 13. ฟู้ดแลนด์ซูเปอร์มาร์เก็ต
การจัดงานลดราคาจำหน่ายในครั้งนี้จะลดราคาสูงสุดถึง 70% มีสินค้าที่ลดราคา ได้แก่ เครื่องแบบนักเรียน เช่น เสื้อนักเรียน กระโปรงนักเรียน กางเกงนักเรียน รองเท้านักเรียน ถุงเท้านักเรียน อุปกรณ์การเรียน โดยศึกษาภัณฑ์จะลดราคาชุดนักเรียนเหลือ 40 บาท จำนวน 3,000 ตัว ห้างอื่นๆ มีราคาตั้งแต่ 49 บาท 59 บาท และ 99 บาท เป็นต้น และยังมีการลดราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ข้าวสารบรรจุถุง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืช สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก กระดาษชำระ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องครัวภายใต้สัญลักษณ์รูปกล่องของขวัญติดตั้งบริเวณหน้าห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ และสถานที่จำหน่ายสินค้า
ทั้งนี้ กรมฯ มั่นใจว่าประชาชนจะมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะต้องซื้อสินค้าชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ โดยคาดว่าจะมียอดจำหน่ายสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 27,000 ล้านบาท จะช่วยลดภาระรายจ่ายให้แก่ผู้ปกครองและลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้ 30% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ทำให้ประชาชนสามารถจับจ่ายด้วยเงินเท่าเดิมแต่ได้สินค้าเพิ่มมากขึ้น หรือประชาชนซื้อสินค้าปริมาณเท่าเดิมได้ในราคาที่ลดลง ซึ่งเป็นการลดรายจ่าย เพิ่มกำลังซื้อของประชาชน เพิ่มการจับจ่ายใช้สอย และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น