กฟผ.-นักวิจัยไทยโชว์ผลงาน “นวัตกรรมปันแสงแบ่งข้าวเพื่อชุมชน” คิดค้นโซลาร์เซลล์กึ่งใสมาใช้ในการปลูกพืช นำนวัตกรรมพลังงานมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่เกษตร ได้ผล 2 ต่อ พืชเติบโตตามปกติ ทั้งยังนำพลังงานที่ได้มาใช้ประโยชน์อื่นๆ ช่วยให้เกษตรกรลดรายจ่าย มีชีวิตที่ดีขึ้น
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ "นวัตกรรมปันแสงแบ่งข้าวเพื่อชุมชน" ว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ดำเนินโครงการวิจัยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์กึ่งใสร่วมกับการทำเกษตรกรรมการปลูกข้าวพันธุ์ไรซ์เบอร์รีร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และกรมพัฒนาที่ดิน บนพื้นที่บริเวณสวนน้ำพระทัย โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ซึ่งผลทดสอบออกมาพิสูจน์ว่าการติดตั้งโซลาร์ฯ สามารถปลูกข้าวได้ปกติและต่อไปจะขยายผลไปยังแปลงพืชผักชนิดอื่นๆ ได้
"ปีที่แล้ว กฟผ.ได้ทดลองปลูกข้าวในนาแปลงสาธิต อากาศโรงไฟฟ้าพระนครเหนือดีเยี่ยม เอาน้ำหอหล่อเย็นมาใช้ปลูกข้าวในนาก็ประสบผล ปีนี้ก็เพิ่มต่อยอดนวัตกรรมด้วยการผสานผสานพลังงานและเกษตรกรรม โดยร่วมทดสอบแผงโซลาร์กึ่งโปร่งแสงที่ได้ร่วมกันแล้วทดสอบว่าปลูกข้าวได้ไหมซึ่งก็ประสบผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยม โดย 50% ของแสงที่ผ่านแผงโซลาร์เพียงพอปลูกข้าวผลผลิต 500 กิโลกรัมต่อไร่ ต่อไปก็คงไม่จำกัดเฉพาะนาข้าว พืชสวนผักก็อยู่ได้" นายศิริกล่าว
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า “นวัตกรรมปันแสงแบ่งข้าวเพื่อชุมชน” เป็นโครงการวิจัยการใช้โซลาร์เซลล์กึ่งใสร่วมกับการทำเกษตรกรรมการปลูกข้าวพันธุ์ไรซ์เบอร์รีบนพื้นที่บริเวณสวนน้ำพระทัย โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โดยน้ำที่ใช้ในการปลูกข้าวนำมาจากบ่อพักน้ำของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 2 ที่ผ่านการปรับสภาพน้ำและผ่านการตรวจสอบจากห้องทดลองที่รับรองมาตรฐานแล้วว่าสามารถใช้ปลูกพืชทางการเกษตรและสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์ในโครงการวิจัยดังกล่าวได้ถูกส่งไปใช้ที่ห้องควบคุมไฟฟ้าและเครื่องสูบน้ำของโครงการวิจัย รวมถึงใช้ในอาคาร Co-Working Space ของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือมาตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือนพฤศจิกายน 2561 จนถึงปัจจุบัน สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 18,000 หน่วย และลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 72,000 บาท จึงพิสูจน์ได้ว่าโครงการวิจัยสามารถบูรณาการด้านพลังงานไฟฟ้าและสามารถปลูกพืชทางการเกษตรให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนได้อย่างยั่งยืน
สำหรับการนำโซลาร์เซลล์กึ่งใสมาใช้ร่วมกับการปลูกข้าว จะทำให้เกษตรกรสามารถนำพลังงานที่ผลิตได้ในพื้นที่นาข้าวมาใช้ประโยชน์ในกิจกรรมทางการเกษตรอื่นๆ หรือใช้ในบ้านเรือน อีกทั้ง กฟผ.ยังมีแนวทางพัฒนาต่อยอด โดยจะนำข้อมูลจากงานวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ที่มีมูลค่าสูง สำหรับชุมชน เกษตรกรรม และโรงเรียน รวมถึงเป็นต้นแบบการพัฒนาไปสู่ระบบฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farm) ในอนาคต
ผศ.ดร.สุรเชษฐ เดชฟุ้ง หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการวิจัยการนำโซลาร์เซลล์กึ่งใสมาใช้กับเกษตรกรรมการปลูกข้าว ได้มีการออกแบบแผงโซลาร์เซลล์กึ่งใสให้มีลักษณะเป็นตารางหมากรุกสลับกับช่องใส โดยใช้โซลาร์เซลล์กึ่งใสที่ทำจากซิลิกอนชนิดผลึกรวม (Polycrystalline Silicon Solar Cell) จำนวน 227 แผง ให้พลังงานไฟฟ้า 155 วัตต์ต่อแผง กำลังผลิตติดตั้ง 35.19 กิโลวัตต์ วางแผงโซลาร์เซลล์ทำมุม 17 องศา หันรับแสงทางทิศใต้ ความสูงประมาณ 4 เมตร โดยอาศัยหลักการปรับอัตราส่วนพื้นที่ทึบแสงต่อพื้นที่โปร่งแสงในแผ่นโซลาร์เซลล์ตามความต้องการความเข้มแสงที่แตกต่างกันของพืช พร้อมติดตั้งระบบติดตามข้อมูลด้วยเซ็นเซอร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบบ Real Time ได้แก่ ตัววัดค่าความเข้มแสง อุณหภูมิ ความชื้นอากาศ ความเร็วลม ระดับน้ำ ความแข็งแรงของโครงสร้าง และ Power Flow
จากการวิจัยพบว่า ข้าวพันธุ์ Rice berry ใช้เวลาปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 130-150 วัน ด้วยวิธีการปลูกข้าวแบบออร์แกนิกทั้งหมด ได้แก่ การใช้กากชาในการกำจัดหอยเชอรี่ ฉีดพ่นสารสะเดาเพื่อป้องกันแมลงและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ฉีดพ่นฮอร์โมนไข่เพื่อบำรุงต้นข้าวให้สมบูรณ์แข็งแรง ใช้ปุ๋ยหมักในการบำรุงดิน ไล่นกโดยใช้ระบบคลื่นเสียง ไล่หนูด้วยวิธีควบคุมระดับน้ำให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อป้องกันหนู จึงทำให้การเจริญเติบโตของต้นข้าวและสีข้าวในโครงการวิจัยไม่แตกต่างจากวิธีการปลูกปกติ สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย