“พาณิชย์” ยืนเป้าส่งออกปีนี้ 8% เอาไว้เป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงาน เตรียมนัด ส.อ.ท. หอการค้าไทย และ สรท.หารือทำแผนเจาะส่งออกเป็นรายตลาด สนค.ห่วงนโยบายการค้า เศรษฐกิจโลก กระทบส่งออก เร่งทำแผนรับมือ ด้าน สรท.ชี้บาทแข็งกระทบส่งออก ขอ ธปท.ดูแลด่วน
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยในงานเสวนา “มองโลก มองไทย : ทิศทางส่งออกปี 2562” จัดโดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) วันที่ 7 ก.พ. ว่ากรมฯ ยังคงยืนยันเป้าหมายการส่งออกในปี 2562 ขยายตัวที่ 8% หรือคิดมูลค่า 272,685 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจขององค์กรต่างๆ จะปรับลดเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ลงมา เพราะมองว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอื่นๆ แต่กรมฯ ต้องการตั้งเป้าไว้เป็นเป้าทำงาน ส่วนจะทำได้หรือไม่ ต้องหารือกับภาคเอกชนอีกครั้ง ตอนนี้ยังคงเป้าไว้ตามเดิมก่อน
“ปลายเดือน ก.พ. กรมฯ จะหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (สอท.) หอการค้าไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ในการหามาตรการขับเคลื่อนการส่งออกเป็นรายตลาด เพราะแต่ละตลาดมีสินค้าที่มีโอกาสอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีแผนที่จะผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ผู้ประกอบการชุมชนให้มีโอกาสส่งออกด้วย รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์”
สำหรับเป้าส่งออกเป็นรายตลาด เช่น จีน ตั้งเป้าขยายตัว 12%, ฮ่องกง 12%, รัสเซียและซีไอเอส 10%, ญี่ปุ่น 7%, เกาหลีใต้ 7%, อาเซียน 9 ประเทศ 8.3%, เอเชียใต้ 8%, แอฟริกา 10%, อเมริกาเหนือ 6.1%, ยุโรป 27 ประเทศ 3% และตะวันออกกลาง 3% เป็นต้น
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สนค.กล่าวว่า สนค.ได้หารือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อทำแผนรับมือกับความผันผวนและความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายการค้าและเศรษฐกิจโลก เพื่อจัดทำเป็นยุทธศาสตร์การค้าในการขับเคลื่อนการค้าของไทยเพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแล้ว
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ในปี 2562 สรท.มองว่าการส่งออกน่าจะเติบโตระดับ 5% สมมติฐานค่าเงินบาท 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่หากค่าเงินอยู่ที่ระดับ 31-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และสงครามการค้าไม่สามารถหาทางออกที่ดีได้ การส่งออกไทยในปี 2562 คงโตในระดับ 0% และในวันที่ 4 มี.ค. 2562 สรท.จะเข้าพบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการดูแลค่าเงินบาท โดยอยากให้ ธปท.กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้แข็งค่าสูงกว่าคู่ค้ามากนัก