“พาณิชย์” ยันซื้อน้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้าโปร่งใส คาดหลังสต๊อกลด ราคาผลปาล์มดิบขึ้นแน่

“พาณิชย์” ยันจัดหาผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ.นำไปผลิตไฟฟ้า 1.6 แสนตันโปร่งใส ปัดเอื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ล่าสุดมีผู้เสนอขายแล้ว 1.11 แสนตัน ที่เหลือ 4.9 หมื่นตันให้ยื่นเสนอขายถึง 15 ก.พ.นี้ ส่วนการให้ขนส่งทางเรือ มีต้นทุนถูกและสะดวก ดีกว่ารถบรรทุก คาดหลังส่งครบสต๊อกจะเหลือ 1.9 แสนตัน ดันราคาผลปาล์มดิบสู่เป้าหมาย 3-3.20 บาท หลังปัจจุบันราคาขยับขึ้นมากิโลฯ ละ 2.90 บาท

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่มีการกล่าวหาการจัดหาผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีความไม่โปร่งใส และเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งว่า กรมฯ ยืนยันว่าการจัดหาน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ.ปริมาณ 1.6 แสนตัน ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 18 บาท ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ตรวจสอบได้ มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการรับซื้อไว้ชัดเจนตามปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ที่ผ่านมาได้เปิดให้เสนอขายแล้วรวม 4 ครั้ง มีผู้ประกอบการเสนอขาย 40 ราย ได้รับอนุมัติ 32 ราย จำนวนน้ำมันปาล์มดิบรวม 1.11 แสนตัน ยังขาดอยู่อีก 4.9 หมื่นตัน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเปิดให้ยื่นเสนอขายจนถึงวันที่ 15 ก.พ. 2562

ทั้งนี้ ในช่วงแรกที่เปิดให้มีการยื่นเสนอขายน้ำมันปาล์มดิบ และมีผู้เสนอขายน้อย เพราะได้กำหนดเงื่อนไขห้ามรายใดรายหนึ่งขายเกิน 50% ของปริมาณที่กำหนดไว้ในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้กระจายสู่ผู้ประกอบการรายย่อย แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการที่ไม่เข้าใจ จึงได้ลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจ ทำให้ต่อมามีผู้เสนอขายเพิ่มขึ้น ต่อมาได้ยกเลิกเงื่อนไขกำหนดสัดส่วนปริมาณรับซื้อ เปิดกว้างให้ผู้มีศักยภาพได้เสนอขาย เพื่อให้ผู้เสนอขายไปซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรโดยเร็ว ทำให้ราคาปรับตัวดีขึ้น โดยล่าสุดขยับขึ้นมาเป็น กก.ละ 2.90 บาทแล้ว และคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีก ผลจากราคาผลปาล์มที่สูงขึ้นทำให้ผู้เสนอขายบางรายขอส่งคืนโควตา หรือขอลดปริมาณการส่งลง รวมแล้ว 5 ราย เพราะเกรงว่าจะมีต้นทุนสูงขึ้นจากการไปรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรในราคาที่กำลังสูงขึ้น

สำหรับประเด็นการทำสัญญาไม่เป็นธรรม กรมฯ ยืนยันว่าทำด้วยความชัดเจน รัดกุม และกำหนดจ่ายเงิน 90% ของมูลค่าน้ำมันปาล์มดิบที่ส่งมอบ ส่วนที่เหลือ 10% จะจ่ายให้เมื่อนำหลักฐานการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรมายืนยัน ส่วนค่าขนส่ง กำหนดให้ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ โดยค่าขนส่งทางเรืออยู่ที่ กก.ละ 0.60 บาท และที่ไม่ให้ขนส่งทางรถยนต์ เพราะการส่งมอบที่กำหนดไว้งวดละไม่น้อยกว่า 2 พันตัน จะต้องใช้รถบรรทุกถึง 67 คัน ทำให้มีปัญหาด้านการจราจร และระยะเวลาการเดินรถที่กำหนดไว้เช้าและเย็นเท่านั้น รวมทั้งยังมีต้นทุนที่สูงกว่าทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และระยะเวลาที่รอขนถ่าย ขณะที่อัตราค่ากรดไขมันอิสระ (FFA) กำหนดไว้ไม่เกิน 7% จากปกติ 5% เพราะไม่ใช่น้ำมันเพื่อการบริโภค แต่ถ้าเกินจะมีการหักลดน้ำหนักลง 0.5% ของปริมาณที่ส่งมอบ

“กรมมั่นใจว่าหากส่งน้ำมันปาล์มดิบให้กับ กฟผ.นำไปผลิตไฟฟ้าได้ครบทั้ง 1.6 แสนตัน จะทำให้เหลือปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในสต๊อกเพียง 1.9 แสนตัน ต่ำกว่าระดับสต๊อกปกติที่ 2.5 แสนตัน ไม่ได้มีสต๊อกคงเหลือ 7 แสนตัน ตามที่เป็นกระแสข่าว และยังจะส่งผลดีให้ราคาผลปาล์มดิบขยับขึ้นไปสู่เป้าหมายที่กก.ละ 3-3.20 บาทได้” นายวิชัยกล่าว