“สนธิรัตน์” สั่งรับมือเศรษฐกิจโลกปี 62 ผันผวน บอกผู้บริหารไม่ต้องรอรัฐบาลใหม่ เหตุเศรษฐกิจของประเทศรอไม่ได้ ย้ำต้องเร่งลุยเจาะตลาดทั่วโลก เพิ่มยอดส่งออก หลังมีความเสี่ยงจากเทรดวอร์ เศรษฐกิจโลกและคู่ค้าไม่ดี เผยปลาย ม.ค.จะลุยขยายตลาดเกาหลีใต้และร่วมทีม “สมคิด” เยือนญี่ปุ่น เพิ่มความร่วมมือค้าขาย เผยให้ลุยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ช่วยร้านค้ารายย่อย โชวห่วย ร้านค้าชุมชน เกษตรกรให้ค้าขายออนไลน์ด้วย “อูเล่ และเถาเป่า โมเดล”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ โดยให้เน้นเตรียมแผนรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในปี 2562 ที่ยังมีความไม่แน่นอน ทั้งจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งล้วนแต่มีผลกระทบต่อไทย จึงต้องเร่งทำงาน โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนของปี 2562 ที่จะต้องขับเคลื่อนอย่างหนักเพื่อไม่ให้การทำงานสะดุด ไม่ใช่ว่ากำลังจะใกล้เลือกตั้งก็มารอให้มีรัฐบาลใหม่ถึงจะมาทำงาน เพราะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศรอไม่ได้
สำหรับเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การผลักดันการส่งออก ได้มอบหมายให้ น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำแผนขับเคลื่อนการส่งออก ต้องเดินสายไปทั่วโลก เน้นตลาดที่มีโอกาสในการเพิ่มยอดการส่งออกให้กับสินค้าไทย เช่น อาเซียน จีน ที่ต้องเจาะอย่างหนัก ตลาดสหรัฐฯ ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ส่วนตลาดใหม่ อย่าง อินเดีย ละตินอเมริกา และรัสเซีย เป็นต้น ก็ต้องหาทางเพิ่มยอดการส่งออก โดยต้องมีตัวชี้วัดในการทำงานที่จับต้องได้
“กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าส่งออกปีนี้ที่ 8% ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าจะมีปัจจัยลบมากระทบ ทั้งเทรดวอร์ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้า ตอนนี้ยังไม่ชัดว่าจะเป็นอย่างไร แต่ต้องคิดไว้ก่อนว่ามันจะแย่ แล้วต้องหาทางรับมือ ผมบอกอธิบดีต้องทำ ต้องไปหาตลาดที่มีโอกาส และเพิ่มยอดให้ได้ และผมจะนำเองในบางครั้ง อย่างปลายเดือน ม.ค.นี้จะนำคณะไปเกาหลีใต้ ไปหารือกับรัฐมนตรี ไปคุยกับสมาคมผู้นำเข้าเพื่อเพิ่มโอกาสส่งออกให้กับสินค้าไทย เพราะถ้าไม่ทำจะเสียเปรียบคู่แข่ง รวมทั้งจะร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการลงนามในความร่วมมือเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนเรื่องอาหารและบริการระหว่างกันด้วย” นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ได้เร่งรัดการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าชุมชน และผู้ประกอบการในต่างจังหวัด ให้มีโอกาสค้าขาย โดยจะสานต่อให้มีการนำ “อูเล่โมเดล” มาใช้ในการช่วยเหลือร้านค้ารายย่อย โชวห่วย ร้านค้าในชนบท ให้สามารถใช้อีคอมเมิร์ซในการขายสินค้า ซึ่งผู้บริหารของทอม กรุ๊ป เจ้าของแพลตฟอร์มอูเล่ จะส่งทีมมาไทย มาช่วยให้คำแนะนำในการช่วยให้ร้านค้ารายย่อยขายออนไลน์ได้ รวมทั้งจะผลักดันให้มีการนำสินค้าไทยเข้าไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มของอูเล่ด้วย
นอกจากนี้ จะเร่งรัดนำ “เถาเป่า วิลเลจ โมเดล” มาเป็นต้นแบบในการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชนผ่านทางออนไลน์ ซึ่งอาลีบาบาได้ตกลงที่จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือไทยในเรื่องนี้แล้ว จะต้องเร่งขับเคลื่อนต่อไป รวมทั้งจะดึงผู้ประกอบการรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้า เช่น แม็คโคร ยูนิลีเวอร์ สหพัฒน์ มาช่วยร้านค้ารายย่อย มาช่วยเป็นพี่เลี้ยง และสนับสนุนสินค้าให้กับร้านค้า ซึ่งจะช่วยให้ร้านค้ามีความเข้มแข็งขึ้นมาได้
ทั้งนี้ ได้ขอให้หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ไปทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทั้งลอจิสติกส์ที่ขนคน ขนสินค้า ธุรกิจบริการร้านอาหาร สปา การขายของที่ระลึก เพราะหากเชื่อมโยงกันได้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้อีกมาก