ปตท.สผ. เปิดแผนลงทุน 5 ปี (62-66) ใช้งบลงทุนรวม 16,105 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเทียบเท่า 525,055 ล้านบาท โดยปีหน้าวางงบลงทุน 3,256 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเทียบเท่า 107,453 ล้านบาท และวางเป้าหมายการขายปิโตรเลียม 3.18 แสนบาร์เรล/วัน
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2562-2566) บริษัทได้จัดสรรงบประมาณรวม 16,105 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 525,055 ล้านบาท) เน้นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองและปริมาณการผลิตในอนาคต พร้อมเปิดทางสำหรับโอกาสทางธุรกิจใหม่เพื่อรองรับกับการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ไว้ที่ 3,256 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (สรอ.) (เทียบเท่า 107,453 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure หรือ CAPEX) จำนวน 1,840 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 60,721 ล้านบาท) และ รายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure หรือ OPEX) จำนวน 1,416 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 46,732 ล้านบาท) ด้วยเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่ 318,000 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ภายใต้การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการรักษาปริมาณการผลิต บริษัทได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 1,159 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,247 ล้านบาท) ในโครงการผลิตหลักในประเทศไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (เมียนมา) ได้แก่ โครงการเอส 1 โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ โครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และโครงการซอติก้า และ จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 490 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 16,170 ล้านบาท) ในการผลักดันการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ โครงการเวียดนาม บี และ 48/95 และ เวียดนาม 52/97 และโครงการคอนแทร็ก 4 (แหล่งอุบล) ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองและการผลิตในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมสำรวจโครงการในเมียนมา และ มาเลเซีย เพื่อเพิ่มโอกาสการเพิ่มทรัพยากร ผ่านการจัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 191 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่า 6,304 ล้านบาท
“ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป จะเห็นแผนกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ บริหารต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะให้ความสำคัญกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติครบวงจร (Gas Value Chain) เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า (Gas to Power) รวมถึงการค้นหาธุรกิจใหม่อื่นๆ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Robotics/AI) และพลังงานทางเลือก (Renewable Energy) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายพงศธร กล่าว
ทั้งนี้ ประมาณการรายจ่ายและปริมาณการขายปิโตรเลียมข้างต้น ยังไม่รวมผลจากการที่ ปตท.สผ. ได้รับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และ G2/61 (แหล่งบงกช) ในทะเลอ่าวไทยเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561