บีพีซีจีเร่งหาข้อสรุปกรมสรรพากร และ กกพ.เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการขายไฟฟ้าโครงการนำร่องแบบ Peer-to-Peer ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ในโครงการ T77 หลังแนวโน้มอนาคตประชาชนจะเปลี่ยนจากผู้ใช้ไฟมาเป็นทั้งผู้ใช้และผู้ผลิตไฟฟ้า
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการหารือกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการขายไฟฟ้าในโครงการนำร่องซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ในโครงการ T77 ของแสนสิริ ทำให้ลูกบ้านแสนสิริกลายเป็นทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตไฟฟ้า (Prosumers) ซื้อขายไฟฟ้าที่เหลือผ่านอินเทอร์เน็ต เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่จำเป็นต้องมีการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์การเสียภาษีอย่างไร ซึ่งกฎระเบียบเดิมก็กำหนดว่าหากประชาชนมีรายได้จากการขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
“ทางกรมสรรพากรได้เชิญไปหารือว่า หากเกิดการซื้อขายจริงแล้ว ในอนาคตจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้หรือไม่ ซึ่งทางบริษัทได้ยืนยันว่าไม่น่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ เพราะภาพรวมรัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเชื่อมต่อของระบบ หรือ transaction โดยขณะนี้ทาง กกพ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังช่วยดูเรื่องนี้”
ทั้งนี้ แสนสิริ จับมือ บีซีพีจี ได้เริ่มนำระบบแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่แบบ Peer-to-Peer ด้วยการทำธุรกรรมโดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ในโครงการที่พักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำร่องระบบแลกเปลี่ยนพลังงานจริงแล้ววันนี้ที่โครงการทาวน์สุขุมวิท 77 หรือ T77 ก่อนจะเริ่มมีการซื้อขายอย่างเป็นทางการภายในเดือนตุลาคมนี้