กทพ.หวั่นเกิดภาวะสำลักเงิน หรือเงินเต็มตัก หลังประเมินกองทุน TFF ระดมทุนก้อนใหญ่ 4.5 หมื่นล้าน แต่หลังเซ็นสัญญาด่วนพระราม 3-วงแหวนฯ จะใช้เพียง 3.5 พันล้าน (ค่างาน 10%) ขณะที่ด่วน N2 ยังไม่คืบไร้แผนก่อสร้างเมื่อใด เสนอ “คมนาคม” ขอโยกเงินก่อสร้างยกระดับพระราม 2 แทนกรมทางหลวง
แหล่งข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) หรือ TFF ว่า จากที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยคาดว่าจะเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันแรกในวันที่ 1 พ.ย. ระดมทุนก้อนแรก 45,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนประมาณ 3-4%
โดยจะนำเงินจากกองทุน TFF ส่งให้ กทพ.ใช้ก่อสร้างโครงการทางพิเศษพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก วงเงินลงทุน 30,437 ล้านบาท และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 และ E–W corridor ด้านตะวันออก วงเงินลงทุน 14,382 ล้านบาท ซึ่ง กทพ.ได้เตรียมพร้อมในการประกวดราคาก่อสร้างทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ ซึ่งคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ.ได้อนุมัติลงนามสัญญากับที่ปรึกษา ส่วนงานก่อสร้างจะแบ่งเป็น 5 สัญญา ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับกรมบัญชีกลางในการดำเนินการตามระเบียบพัสดุ โดยคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจะพอดีกับการซื้อขายกองทุน TFF
ทั้งนี้ กทพ.มีข้อกังวลในการระดมทุน TFF จะมีเงินเข้ามาจำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจจะเกิดภาวะสำลักเงินได้ เนื่องจากทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ เมื่อประมูลและลงนามสัญญากับผู้รับจ้าง ในช่วงแรกจะมีความต้องการใช้เงินประมาณ 3,500 ล้านบาท หรือ 10% ของมูลค่าโครงการ ขณะที่ทางด่วน N2 ยังไม่อนุมัติและมีขั้นตอนอีกมากกว่าจะเริ่มประมูลและก่อสร้าง
ก่อนหน้านี้ กทพ.ได้รายงานต่อ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แล้วว่าในช่วงแรกจะเกิดภาวะเงินล้นมือประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท โดยเสนอแนวคิดแก้ปัญหา เช่น นำเงินที่ระดมได้ไปใช้จ่ายค่าก่อสร้างโครงการทางยกระดับบน ถนนพระราม 2 จากแยกบางขุนเทียน-วังมะนาว ระยะทางประมาณ 10 กม. วงเงินค่าก่อสร้าง 10,500 ล้านบาท ของกรมทางหลวง (ทล.) โดยขอแบ่งงานส่วนนี้มาให้ กทพ.ดำเนินการก่อสร้างให้ก่อน ซึ่งสามารถทำเป็นสัญญาก่อสร้างตอนที่ 6, 7 ต่อจากทางด่วนสายพระราม 3- ดาวคะนองฯ ได้ ส่วนการก่อสร้างไม่มีปัญหาเพราะแบบของทางยกระดับคล้ายกับทางด่วนและมีจุดเริ่มต้นต่อทางด่วนอีกด้วย
และหารือร่วมกันถึงรูปแบบการบริหารจัดการโครงการ ว่าจะโอนให้ กทพ.หรือให้เป็นโครงการของกรมทางหลวง (ทล.) เหมือนเดิม ซึ่งหากไม่โอนจะเป็นการให้ กทพ.จ่ายค่าก่อสร้างไปก่อน เมื่อ กทพ.จะเริ่มดำเนินโครงการทางด่วน N2 กรมทางหลวงจัดหางบประมาณมาจ่ายค่าก่อสร้างคืน
นอกจากนี้ยังหารือในแนวทางอื่น เช่น การนำเงินที่ได้จาก TFF ส่วนที่เหลือไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรืออื่นๆ ซึ่งกฤษฎีกาไม่ขัดข้อง ส่วนการนำไปใช้หนี้ของ กทพ.ก่อนนั้น อาจจะไม่ใช่แนวทางที่สมดุล เนื่องจากดอกเบี้ยเงินกู้ 2-3% ขณะนี้ภาระผลตอบแทน TFF ที่ กทพ.ต้องแบกรับถึง 8%
“การระดมทุน TFF เป็นไปตามมติ ครม.ให้นำเงินมาใช้ก่อสร้างทางด่วน 2 สาย โดยระดมครั้งเดียว 4.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่าก่อสร้างจะเป็นการทยอยจ่าย ดังนั้นอยากให้มองภาพรวมที่จะช่วยแก้ปัญหาภาวะเงินล้นมือ”