พีทีที โกลบอล เคมิคอล ตั้งศูนย์ความร่วมมือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตฯพลาสติกเพื่อเพิ่มความแกร่งในการแข่งขัน พร้อมทั้งมองหาโอกาสลงทุนโรงปิโตรเคมีในเวียดนาม เมินปูนซิเมนต์ไทยปูฐานลงทุนปิโตรครบวงจร
วันนี้ (9 ส.ค.) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) จัดงานเปิดศูนย์ความร่วมมือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Customer Solution Center) โดยมี นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ณ อาคาร Energy Complex A เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจ ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมพลาสติก โดยการส่งเสริม สนับสนุนให้สามารถแข่งขันได้ ทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่ม Start up
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ มองเห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวขององค์กร เป็นกลยุทธ์สำคัญอันหนึ่งที่มักถูกหยิบยกนำมาวางแผนในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์การตลาดที่มีการแข่งขันสูง การแข่งขันในที่นี้หมายถึงการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แปลกใหม่ และสร้างสรรค์
โดยบริษัทฯ เดินหน้ากลยุทธ์ร่วมกับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ด้วยการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ Customer Solution Center (CSC) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยการส่งเสริม สนับสนุนและเป็นสื่อกลางในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมพลาสติกเติบโต สามารถแข่งขันได้ทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน และกลุ่ม Start Up
ศูนย์ความร่วมมือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ Customer Solution Center (CSC) มีหน้าที่ในการบริหารจัดการ และให้บริการแก่ลูกค้าและคู่ค้าแบบครบวงจร เป็นช่องทางในการรับฟังเสียงของลูกค้า นำนวัตกรรมและไอเดียมาผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ให้มีคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมพัฒนาระบบการออกแบบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป การสร้าง Collaboration Model ร่วมกับลูกค้า ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมไปกับแนวคิดที่จะนำทุกความคิด หรือไอเดียไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่ตอบทุกความต้องการของอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของ GC ที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และเคมีที่เข้าถึงทุกความสุข (Chemistry for Better Living)
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า บริษัทฯ มองโอกาสการลงทุนตั้งโรงงานปิโตรเคมีในอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการบริโภคเม็ดพลาสติกเติบโตอย่างรวดเร็วอยู่ที่ 1 ล้านตันต่อปี โดยบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในเวียดนามแล้ว 20% คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าความต้องการใช้เม็ดพลาสติกในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งแม้ว่าบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) จะมีการลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจรมูลค่า 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐที่เวียดนามก็ตาม แต่ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกในเวียดนามในช่วงเวลานั้นก็ยังต้องนำเข้าอยู่
ส่วนความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีครบวงจรในสหรัฐอเมริกา ขณะนี้โครงการมีความคืบหน้าไปมาก หลังจากบริษัทจับมือกับพันธมิตร คือ Daelim Industrial Co., Ltd. (DAELIM) ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรม (FEED) และการจัดหาแหล่งเงินทุนในรูปแบบโปรเจ็กต์ไฟแนนซ์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 1/2562