มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ต่อยอดความสำเร็จด้านการลดขยะพลาสติกและโฟม ร่วมมือมหาวิทยาลัยในเครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยใน ทปอ. รวม 30 แห่ง กับ 7-Eleven ลดขยะพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในร้านสะดวกซื้อภายในมหาวิทยาลัย ผ่านมาตรการ เช่น ยกเลิกการให้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ลดปริมาณขยะจากแก้วพลาสติก ลดปริมาณช้อน ส้อม และหลอดพลาสติก และยกเลิกภาชนะจากโฟม ตั้งเป้าลดปริมาณการผลิตขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งจากร้านสะดวกซื้อในมหาวิทยาลัย ให้กลายเป็นศูนย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานสื่อสารองค์กร มธ. โทรศัพท์ 0-2564-4493 หรือเว็บไซต์ www.tu.ac.th/news
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มธ. และประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลดปริมาณการผลิตขยะพลาสติกเป็นวาระสำคัญที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน หรือประชาชน ต้องร่วมมือกันเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 30 แห่งในเครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย (Sustainable University Network of Thailand) จึงได้ร่วมมือกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย ในการลดขยะพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในร้านสะดวกซื้อภายในมหาวิทยาลัย ผ่าน 4 มาตรการ ได้แก่
1) ยกเลิกการให้ถุงพลาสติกหูหิ้ว โดยเปลี่ยนเป็นการจำหน่ายหรือจัดเตรียมถุงให้ยืมหรือด้วยวิธีการอื่นใดตามความเหมาะสม 2) ลดปริมาณขยะจากแก้วพลาสติก โดยร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven จะลดราคาให้ 2 บาท สำหรับผู้ที่นำแก้วมาเอง 3) ลดปริมาณช้อน ส้อมและหลอดพลาสติก โดยพนักงานร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven จะไม่ให้ช้อน ส้อม และหลอดพลาสติกหากผู้ซื้อไม่ร้องขอ 4) ยกเลิกภาชนะจากโฟม ทั้งในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และในร้านอื่นๆ ตลอดจนในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวเสริมว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะสามารถทำให้ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven จำนวนกว่า 70 สาขา ในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมจำนวน 30 สถาบัน ซึ่งมีจำนวนนิสิต นักศึกษา รวมกันกว่า 650,000 คน จะสามารถลดปริมาณการผลิตขยะพลาสติกได้จำนวนมาก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มธ.ได้ดำเนินโครงการลดใช้พลาสติกในหลากรูปแบบเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2560 สามารถลดปริมาณถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อได้ราวร้อยละ 30 หรือราว 1,800,000 ใบจากปีก่อนหน้า และในปีนี้เพื่อลดปริมาณการผลิตขยะพลาสติกในมหาวิทยาลัยให้เป็น 'ศูนย์' มธ.จึงร่วมมือกับภาคเอกชนที่ประกอบกิจการร้านค้าปลีกในมหาวิทยาลัย อาทิ 7-Eleven ซึ่งนับเป็นแนวทางการลดขยะพลาสติกที่มีประสิทธิภาพมากแนวทางหนึ่ง
ดังนั้น การร่วมมือกันลดการผลิตขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งและขยะโฟมของมหาวิทยาลัยในเครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทยและมหาวิทยาลัยใน ทปอ. รวม 30 แห่ง จึงเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่ประเทศผู้ผลิตขยะพลาสติกเป็นศูนย์ และเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต้นเหตุของสภาวะเรือนกระจก จากการเผาทำลายพลาสติก และช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตของสัตว์ในธรรมชาติจากการบริโภคขยะพลาสติก รวมทั้งเป็นการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อม เช่น ดิน และน้ำให้ไร้การปนเปื้อนจากสารเคมี
ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบวิกฤตการณ์ด้านปริมาณขยะ จากสถิติของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยว่าปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยผลิตขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นกว่า 30,000 ตัน จาก 10 ปีก่อน หรือราว 74,000 ตันต่อวัน คิดเป็น 27 ล้านตันต่อปี จากปริมาณขยะดังกล่าวเป็นขยะพลาสติกสูงถึงร้อยละ 10 หรือผลิตราว 2.7 ล้านตันต่อปีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ประเทศไทยถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีปริมาณขยะพลาสติกในทะเลสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก
ในขณะที่ปริมาณการเพิ่มขึ้นของขยะพลาสติกจะสูงขึ้นในทุกปี แต่กลับสวนทางกับการกำจัดขยะพลาสติกอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าขยะพลาสติกกว่าร้อยละ 50 ถูกกำจัดอย่างไม่ถูกวิธี อาทิ การเผาทำลาย ซึ่งเป็นการสร้างก๊าซเรือนกระจกต้นเหตุของสภาวะโลกร้อน รวมทั้งการฝังกลบในดินและทิ้งลงทะเล ซึ่งต้องใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า 450 ปี และก่อให้เกิดสารตกค้างในดินและน้ำ เป็นต้นเหตุของการทำลายระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อสัตว์ในธรรมชาติ “จากการเปิดเผยของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเล (ทช.) พบว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้พบสัตว์ทะเล เช่น เต่า วาฬ และปลาฉลาม ตายจากกินขยะและถูกขยะติดพันตามร่างกายกว่า 300 ตัวต่อปี” ผศ.ดร.ปริญญากล่าวทิ้งท้าย