ตามที่ AIS Play ได้นำสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านมือถือไปใช้โดยไม่เคยได้รับอนุญาตจากทาง FIFA ล่วงหน้า และไม่เคยดำเนินการแจ้งขอผ่านทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นตัวกลางในการดูแลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในประเทศไทยให้ขออนุญาตจาก FIFA เพื่อถ่ายทอดสดผ่านแอปพลิเคชัน AIS PLAY บนมือถือนั้น จึงเป็นความรับผิดชอบของทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ในฐานะผู้ดูแลลิขสิทธิ์ในประเทศไทย ที่จะต้องดูแลให้เป็นไปตามกติกาข้อกำหนดของ FIFA เพื่อปกป้องชื่อเสียงของประเทศไทยจากการฟ้องร้องทางลิขสิทธิ์
ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 ศาลได้มีคำสั่งให้บริษัท ไมโม่เทค จำกัด และบริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (“บริษัทในเครือ AIS”) ดำเนินการแจ้งการยุติแพร่ภาพให้ผู้ชมที่ใช้แอปพลิเคชัน AIS PLAY ทราบผ่านแอปพลิเคชัน AIS PLAY ภายในเวลาที่ศาลกำหนด และเมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทในเครือ AIS ยุติการนำสัญญาณการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ของทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป เข้าสู่ระบบการเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชัน AIS PLAY หรือแอปพลิเคชันอื่นใดของบริษัทในเครือ AIS ในทันทีต่อไป โดยถือว่าบริษัทในเครือ AIS นำงานแพร่เสียงแพร่ภาพที่ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้รับลิขสิทธิ์และมีลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป อันเป็นการดำเนินการที่กระทบกระเทือนต่อสิทธิ์ของทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป โดยตรง และสุ่มเสี่ยงต่อการที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (“FIFA”) อาจบอกเลิกสัญญากับทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายในลักษณะที่ไม่อาจชดใช้ด้วยเงินหรือทดแทนด้วยสิ่งอื่นใด
ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป มีความเป็นห่วงว่า หาก FIFA เลิกสัญญาให้ใช้สิทธิกับทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ดังกล่าวจะส่งผลให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะไม่สามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนแฟนบอลชาวไทยทุกคน ทุกเครือข่ายมือถือ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดบอลโลกได้ทุกแมตช์ ตลอด 24 ชั่วโมง แบบคมชัดระดับ HD ทั้งในเว็บไซต์ ทรูไอดี www.trueid.net และทางแอปพลิเคชัน TrueID โดยลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TrueID ได้ทาง App Store และ Google Play