ตามที่ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว กรณีบริษัทในเครือเอไอเอส ได้นำสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เผยแพร่ผ่านแอป AIS Play โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป และฟีฟ่า ล่วงหน้า
ศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 ให้บริษัทในเครือเอไอเอส ยุติการนำสัญญาณการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ของทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป เข้าสู่ระบบการเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชัน AIS PLAY หรือแอปพลิเคชันอื่นใดของบริษัทในเครือเอไอเอส ในทันที
แต่เอไอเอส ได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามประกาศของ กสทช. เรื่อง Must Carry และ ล่าสุด วันนี้ (11 กรกฎาคม 2561) ศาลได้พิจารณา ยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาด้วย 2 เหตุผลหลัก คือ 1. ประกาศของ กสทช. เรื่อง Must Have และ Must Carry นั้น ไม่ได้รวมถึงการเผยแพร่กิจการโทรทัศน์แบบ OTT (การเผยแพร่โทรทัศน์ทางอินเทอร์เน็ต) เนื่องจาก กสทช. ได้ออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เมื่อปี พ.ศ. 2555 ยังไม่มีการประกอบกิจการ OTT
อีกทั้งประกาศเรื่อง Must Have และ Must Carry มีผลบังคับใช้แก่การเผยแพร่กิจการทางโทรทัศน์ฯ จึงไม่อาจนำมาใช้ประโยชน์ในการเผยแพร่กิจการโทรคมนาคม
2. ใบอนุญาตของบริษัทในเครือเอไอเอสที่ได้รับจาก กสทช. ครอบคลุมถึงกิจการเผยแพร่โครงข่ายโทรทัศน์วิทยุกระจายเสียงเท่านั้น หากจะดำเนินกิจการส่งสัญญาณ หรือเผยแพร่รายการทาง Mobile network จะต้องมีใบอนุญาตในกิจการเผยแพร่โครงข่ายโทรคมนาคมอีก 1 ใบอนุญาตแยกแตกต่างกัน ซึ่งจะต้องได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เช่นเดียวกัน
ดังนั้น บริษัทในเครือเอไอเอส จึงไม่มีสิทธิที่จะใช้ประโยชน์จากประกาศของ กสทช. เรื่อง Must Carry ที่มีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น เพื่อถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านแอป AIS Play บนมือถือ
ด้านเอไอเอส ขออภัยผู้ใช้บริการแอป AIS PLAY ที่ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ได้ตามคำสั่งศาลข้างต้น ทั้งนี้ สำหรับลูกค้า AIS PLAYBOX ยังสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ได้ตามปกติ