วิกฤตรถไฟฟ้า นกยักษ์ชนแอร์พอร์ตลิงก์กระจกแตก เหลือวิ่ง 6 ขบวนจนถึงวันศุกร์ 29 มิ.ย. เหตุต้องซ่อมอีก 2 วัน ขณะที่ “ไพรินทร์” ยันระบบอาณัติสัญญาณ MRT-แอร์พอร์ตลิงก์ของซีเมนส์เป็นไฟเบอร์ออปติกฝังไปตามราง ไร้ปัญหาคลื่นรบกวน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ (27 มิ.ย.) รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์จะมีวิ่งให้บริการ 6 ขบวน จากเดิมที่มี 7 ขบวน เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. เวลาประมาณ 22.00 น. มีนกขนาดใหญ่บินชนเข้ากับด้านหน้าของรถแอร์พอร์ตเรลลิงก์ทำให้กระจกแตก ต้องใช้เวลาซ่อม 2 วัน ซึ่งในวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.ขบวนรถจะกลับมาให้บริการครบทั้ง 7 ขบวน
ส่วนระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้านั้น ปัจจุบันรถไฟฟ้า MRT และแอร์พอร์ตลิงก์ใช้อาณัติสัญญาณของบริษัทซีเมนส์ เป็นไฟเบอร์ออปติกฝังไปตามราง เป็นระบบ Fix Block ไม่ใช่คลื่นวิทยุ จึงไม่ถูกรบกวน ส่วนสายสีม่วงใช้คลื่น 2400 เมกะเฮิรตซ์ เป็นไวไฟ แต่มีระบบแบ็กอัพ เป็นเทคโนโลยี CBTC มีระบบ Fix Block สำรอง จะไม่เกิดปัญหาถูกรบกวน
ส่วนรถไฟฟ้าความเร็วสูงนั้น กระทรวงคมนาคมได้เจรจากับ กสทช.ขอให้กำหนดช่วงสัญญาณไว้เฉพาะ ขณะที่รถไฟฟ้าในอนาคตจะใช้ระบบอาณัติสัญญาณที่ทันสมัยที่สุดเช่นเดียวกับสายสีม่วงที่มีแบ็กอัพ หากคลื่น 2400 MHz ถูกรบกวนรถจะยังคงเดินต่อไปได้ตามปกติ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ กล่าวว่า ช่วง 22.00 น. ของวันที่ 26 มิ.ย. ขบวนรถที่ออกจากสถานีสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าพญาไท ช่วงก่อนเข้าสถานีบ้านทับช้างประมาณ 700 เมตร ได้เกิดเหตุมีนกกาบบัว ซึ่งเป็นนกขนาดใหญ่บินเข้าชนกับด้านหน้ารถแอร์พอร์ตลิงก์บริเวณห้องคนขับจนกระจกแตก ทั้งนี้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเป็นกระจกนิรภัย 2 ชั้น โดยจะใช้เวลาซ่อมแซม 2 วัน แล้วเสร็จช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 29 มิ.ย. โดยระหว่างนี้จะมีรถให้บริการ 6 ขบวน
สำหรับช่วงที่ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องช่วงวันที่ 25-26 มิ.ย.ที่ผ่านมามีผลต่อจำนวนผู้โดยสารของแอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีพญาไท ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยผู้โดยสารของแอร์พอร์ตลิงก์ลดลงจาก 16,000 คนเหลือ 15,000 คนต่อวัน ขณะที่สถานีมักกะสันมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 9,000 คนเป็น 10,000 คน โดยภาพรวมทั้งระบบของแอร์พอร์ตลิงก์มีผู้โดยสารที่ 6.5 หมื่นคน/วัน ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนการใช้สถานีแทนเพื่อเลี่ยงจุดที่มีปัญหา
